ท่องไปในปี Super Election!

 

 

 

โตมร ศุขปรีชา

 

   

 

ปี 2024 นี้ หลายคนขนานนามให้ว่าเป็น Super Election Year หรือบางที่ก็ถึงขั้นบอกว่าเป็น Ultimate Election Year ด้วยซ้ำไป

 

คุณอาจคิดไม่ถึงหรอกว่า ในแต่ละปี ทั่วโลกมีการเลือกตั้งระดับประเทศมากแค่ไหน เพราะถ้าดูในบ้านเรา ถ้าไม่นับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เราจะพบว่านาน ๆ ที (เช่น สี่ปีครั้ง) ถึงจะมีการเลือกตั้งใหญ่ ๆ เกิดขึ้นสักหน

 

แต่ปี 2024 นี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะมีการประเมินจาก Parline ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ของโลก (ดู https://data.ipu.org/elections) บอกว่าจะเกิดการเลือกตั้งใหญ่ ๆ รวมไปถึงการเปลี่ยนสมาชิกรัฐสภามากถึง 72 ประเทศทั่วโลก ถือว่ามากกว่าปีที่แล้วที่มีอยู่ 65 ครั้ง

       

แต่ที่สำคัญกว่าจำนวนครั้งก็คือ ในบรรดาประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก 10 ประเทศ จะมีถึง 7 ประเทศที่มีการเลือกตั้ง คือในบังคลาเทศ อินเดีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย ปากีสถาน รัสเซีย และเม็กซิโก ซึ่งเมื่อนับรวมกันแล้ว จะมีประชากรมากเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลกทีเดียว

 

แล้วเราก็รู้กันอยู่นะครับ ว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหญ่ ๆ ผู้คนในประเทศมักจะอยู่ในสภาวะที่ไม่เหมือนสภาวะทั่วไป การเลือกตั้งต้องมีการหาเสียง บ่อยครั้งจึงเหมือนการนำมีดมา ‘กรีดแบ่ง’ ไปในหมู่ประชาชน คนกลุ่มโน้นรัฐนี้จังหวัดนั้น มีแนวโน้มจะเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ ก่อให้เกิดการแบ่งข้างกันไปมา ‘ชัดเจน’ กว่ายามปกติที่ไม่ได้มีการเลือกตั้ง

 

คำถามก็คือ – ในสภาวะแบบนี้ นักเดินทางท่องเที่ยว (ที่จำนวนหนึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลย – ว่าบ้านเขาเมืองเขากำลังมีการเลือกตั้งกันอยู่) ควรทำอย่างไร?

 

สมัยที่อังกฤษต้องทำประชามติว่าจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ ผมเคยเดินทางไปท่องเที่ยวที่นั่นด้วยการขับรถ และเมื่อขับเข้าไปในหมู่บ้านต่าง ๆ เราจะเห็นได้ชัดเลยว่ามีการติดป้ายหรือติดสัญลักษณ์ต่าง ๆ ไว้หน้าบ้านของชาวบ้าน ว่าพวกเขาเห็นด้วยกับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ บางครั้งบ้านที่เห็นต่างกันอย่างมากก็อยู่ชิดติดกันจนหวาดเสียวว่าความขัดแย้งทางความคิดจะปะทุมากกว่าแค่ความคิดหรือไม่

 

ที่ร้ายแรงกว่าคือในคราวที่ประธานาธิบดีจอร์จ บุช คิดจะทำสงครามกับอิรัก ตอนนั้นผมเดินทางไปสหรัฐอเมริกาพอดี และพบว่าในสภาวะที่บ้านเมืองกำลัง ‘คุกรุ่น’ ไปด้วยความคิดที่แตกต่างกันนั้น ช่างเป็นบ้านเมืองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเทศที่ได้ชื่อว่า ‘เสรีนิยม’ อย่างมากนั้น คนที่ประกาศตัวว่ารักชาติและต้องการให้ประธานาธิบดีประกาศสงครามเพื่อ ‘ควบคุมโลก’ ให้อยู่ในความสงบนั้น จะนำธงชาติมาติดที่หน้าบ้านตัวเอง ในขณะที่ผู้ประท้วงไม่เอาสงคราม จะถือป้ายต่าง ๆ ไปยืนประกาศความคิดของตัวเองเป็นกลุ่มๆ ตามริมถนนในละแวกบ้าน หรือไม่ก็นัดหมายกันเดินขบวนประท้วงไปเลย โดยถ้าคนกลุ่มแรกขับรถผ่าน ก็จะบีบแตรใส่เป็นเชิงแสดง ‘เสียง’ ของตัวเองออกมาให้รับรู้

 

หรือคราวที่ฮ่องกงมีการประท้วงใหญ่ ซึ่งเป็นการประท้วงทางการเมืองต่อทางการจีน ก็ให้บังเอิญอีกว่าผมไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นโดยตรง และพบว่าฮ่องกงในสภาวะเช่นนั้น ไม่ใช่ฮ่องกง ‘ปกติ’ ที่เราพบเห็นได้เสมอ แต่กลับกลายเป็นฮ่องกงที่น่าสนใจมาก เราสามารถพูดคุยกับผู้คนบนท้องถนนได้ เพราะทุกคนอยากแสดงความคิดเห็นให้คนต่างชาติรับรู้ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับการเมืองในขณะเวลานั้น

 

 

ในปีนี้ นอกจากจะมีการเลือกตั้งมากกว่าปีทั่วไปแล้ว แต่ละการเลือกตั้งยัง ‘ร้อนแรง’ ถึงระดับชี้เป็นชี้ตายชะตากรรมของโลกเลยด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาแล้วก็คือการเลือกตั้งในไต้หวัน ที่ได้วิลเลียม ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) มาเป็นประธานาธิบดีด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น จึงเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าการเมืองโลกจะเดินหน้าไปอย่างไร

 

หรือในบังคลาเทศ นายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา จากพรรคสันนิบาตอะวามี ก็เพิ่งชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สี่ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในระดับโลกในเรื่องการครองอำนาจยาวนาน ซ้ำร้ายยังชนะการเลือกตั้งหลังพรรคฝ่ายค้านประกาศบอยคอตการเลือกตั้งด้วย

 

การเลือกตั้งในปากีสถานก็ก่อให้เกิดสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน แม้จะมีการเลือกตั้งไปแล้ว แต่สถานการณ์ก็ยังไม่แน่นอนนัก แม้จะมีข้อตกลงตั้งรัฐบาลแบบพรรคผสมขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเหตุการณ์จะสงบเรียบร้อยดี เพราะมีการกล่าวหากันไปมาที่ซับซ้อนพอสมควร

 

หลายคนอาจคิดว่า บังคลาเทศและปากีสถานไม่ใช่ประเทศท่องเที่ยวหลักเท่าไหร่ แต่ประเทศที่คนไทยนิยมไปเที่ยวอีกประเทศหนึ่งคืออินโดนีเซีย ก็เพิ่งมีการเลือกตั้งไป โดยอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอย่าง ปราโบโว ซูเบียนโต ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง กลายเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนใหม่ ซึ่งก็ต้องจับตาดูทิศทางการบริหารประเทศว่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไรหรือเปล่า

 

นอกจากการเลือกตั้งของประเทศต่าง ๆ แล้ว ยังมีการเลือกตั้งของ ‘องค์กร’ ระหว่างประเทศ อย่างการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป (European Parliament Election) ซึ่งก็ต้องจับตาดูเช่นเดียวกัน เพราะในยุโรปมีสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังดำเนินอยู่ ความละเอียดอ่อนของสงครามส่งผลต่อแนวนโยบายของทั้งนาโต้และสหภาพยุโรปอย่างสูง โดยก่อนหน้านั้น รัสเซียจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคมด้วย แต่หลายคนคาดการณ์ว่าไม่น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะประธานาธิบดีปูตินน่าจะยังคงอยู่ในอำนาจ ที่จริง ยูเครนก็มีกำหนดเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายเดือนมีนาคมด้วยเช่นกัน แต่หลายฝ่ายก็คาดหมายว่าการเลือกตั้งนี้อาจไม่เกิดขึ้น เพราะยังมีการประกาศกฎอัยการศึกอยู่

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเลือกตั้งไหนในปีนี้ที่ผู้คนทั่วโลกจะจับตาดูมากเท่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่ง The Economist ถึงกับขนานนามว่าเป็น The Biggest Danger to the World ของปี 2024 เลยทีเดียว ในกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกหน เพราะรู้กันอยู่ว่านโยบายของทรัมป์ (โดยเฉพาะต่อจีน) นั้นเป็นอย่างไร

 

หลายคนอาจคิดไม่ถึง ว่าปัจจัยทางการเมืองนั้นส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวมาก หลายเหตุการณ์ไม่ได้ส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ เท่านั้น แต่อาจส่งผลระดับโลกได้ด้วย เช่น เหตุการณ์ 9/11 ทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะเป็นผลชั่วคราว (Transitory Effect) ก็ตามที การเมืองระดับโลกที่ผันผวนทำให้นักท่องเที่ยวแน่ใจไม่ได้ว่า หากเดินทางไกล ๆ (Long Journey) แล้วหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นจะดูแลจัดการตัวเองอย่างไร หลายคนจึงเลือกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศใกล้ ๆ หรือแม้แต่หันมาท่องเที่ยวแบบ Staycation อยู่ในประเทศของตัวเองแทน

 

แต่หากเหตุการณ์นั้น ๆ ไม่ถึงขั้นเป็นเหตุการณ์ระดับโลก จะเกิดผลเสียเฉพาะกับบางประเทศหรือบางกลุ่มประเทศเท่านั้น ในขณะที่อีกบางประเทศหรือบางกลุ่มประเทศอาจได้รับผลดี เช่นเมื่อเกิดเหตุการณ์อาหรับสปริง มีตัวเลขระบุว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางไปแอฟริกาเหนือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังประเทศสเปนและประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนของยุโรปกลับเพิ่มขึ้น เรียกผลลัพธ์แบบนี้ว่า Substitution Effect

 

ตัวอย่างของ Substitution Effect อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในปารีสเมื่อปี 2015 พบว่าปารีสซึ่งเป็นอันดับหนึ่งเรื่องการท่องเที่ยวมาโดยตลอด มีจำนวนห้องพักลดลง 8.5% ติดต่อกันยาวนานถึงหกเดือน ในขณะที่คนหันไปเที่ยวในสเปนและกรีซกันมากขึ้น 

 

เหตุการณ์ทางการเมืองยังอาจก่อให้เกิดผลลบอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Inhibiting Effect ได้ด้วย เมื่อการปกครองหรือรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ เปลี่ยนไปเป็นรัฐบาลเผด็จการหรือมีแนวทางการปกครองแบบอำนาจนิยม ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องนักท่องเที่ยวไม่รู้สึกปลอดภัย และอาจมีข้อกำหนดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวที่จำกัดเสรีภาพในการเดินทางท่องเที่ยวเข้ามา เช่นเรื่องของวีซ่า การข้ามพรมแดน หรือการเดินทางเข้าเมือง 

 

นักวิเคราะห์ทางการเมือง การทหาร และสงคราม หลายคน เตือนเราว่าในปีนี้อาจมีเหตุการณ์ประเภท ‘คาดไม่ถึง’ เกิดขึ้นได้หลายเรื่อง และการเมืองภายในของประเทศสำคัญ ๆ บางแห่งอาจลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งในระดับโลกได้ไม่ยากนัก ดังนั้น ในฐานะนักเดินทางท่องเที่ยว ในปี 2024 นี้ เราจึงจำเป็นต้องจับตาดู ‘เหตุบ้านการเมือง’ ของประเทศต่าง ๆ อย่างชนิดกระพริบตาไม่ได้เลยทีเดียว

 

ที่มา:

https://travelandclimate.org/political-factors

https://time.com/6550920/world-elections-2024/

https://www.ipu.org/news/news-in-brief/2024-01/2024-super-election-year

https://data.ipu.org/elections

Share This Story !

1.8 min read,Views: 867,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    กุมภาพันธ์ 15, 2025