สถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ (เดือนมกราคม-มีนาคม 2568) และคาดการณ์สถานการณ์ (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2568)

 

 

จัดทำโดย งานวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด ททท. วันที่ 8 เมษายน 2568

 

ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ เดือนมกราคม-มีนาคม 2568

สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 9.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 4.72 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 โดยจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถฟื้นตัวกลับมาประมาณร้อยละ 88 และร้อยละ 91 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับจำนวนและรายได้ที่ไทยเคยได้รับในช่วงเดียวกันของปี 2562

 

สรุปสถานการณ์แต่ละภูมิภาคดังนี้

ภาพรวมภูมิภาคอาเซียน จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 0.3 ในขณะที่รายได้ทางการท่องเที่ยวมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 โดยสามารถแบ่งกลุ่มตลาดได้ดังนี้

  • ตลาดที่มีการเติบโตดี ได้แก่ ฟิลิปปินส์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 27) เมียนมา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 19) สิงคโปร์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4) อินโดนีเซีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4) สอดคล้องกับการขยายเส้นทางบินใหม่ของสายการบิน Myanmar Airways ในเส้นทางบินมัณฑะเลย์-เชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพจากตลาดเมียนมาเดินทางเข้าไทยมากขึ้น รวมทั้งจำนวนที่นั่งโดยสารเครื่องบินจากฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 หรือมีที่นั่งโดยสารเครื่องบินในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 จำนวน 251,073 ที่นั่ง และมีที่นั่งโดยสารเครื่องบินสูงกว่าปี 2562 ร้อยละ 30
  • ตลาดที่มีการหดตัวลง ได้แก่ เวียดนาม (ลดลงร้อยละ 6) กัมพูชา (ลดลงร้อยละ 7) และลาว (ลดลงร้อยละ 14) จากการแข่งขันของตลาดคู่แข่ง โดยเฉพาะญี่ปุ่น เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม เนื่องจากข้อได้เปรียบทางสภาพอากาศที่หนาวเย็น ความนิยมแหล่งท่องเที่ยวสกีรีสอร์ต และค่าเงินเยนอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ททท. เร่งนำเสนอขายสินค้าใหม่ในเมืองท่องเที่ยวหลักและขยายพื้นที่ท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ และร่วมมือกับสายการบินพันธมิตร Thai Airways และ Bangkok Airways นำเสนอเส้นทางการบิน 2 in 1 เข้าพื้นที่เกาะสมุย-พัทยา และเกาะสมุย-เชียงใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่และเพิ่มความน่าสนใจของประเทศไทย มุ่งดึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 
  • ตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิมชะลอการเดินทางในช่วงฤดูถือศีลอด (รอมฎอน) โดยเฉพาะมาเลเซีย (ลดลงร้อยละ 1) และบรูไน (ลดลงร้อยละ 7) เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 29 มีนาคม 2568 ส่งผลให้ภาพรวมนักท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (รอมฎอนปี 2567 ตรงกับช่วงวันที่ 11 มีนาคม – 9 เมษายน 2567)  

 

ภาพรวมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านจำนวนและรายได้มีอัตราการเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 นับตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 จากปัจจัยต่อไปนี้

  • ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวไทยของกลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูงตลาดจีนและฮ่องกง ประเด็นนักแสดงจีนหายตัว ‘หวัง ซิง ซิง’ และการปราบปรามแก๊งมิจฉาชีพต่างชาติในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาเรื่องความไม่ปลอดภัยของไทย และกระทบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวสูงจากการรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโซเชียลมีเดียในตลาดจีน อาทิ กลุ่มกรุ๊ปทัวร์/กลุ่มครอบครัวสูงวัย/กลุ่มที่ไม่เคยมาประเทศไทย โดยเฉพาะเมือง Tier 2 – Tier 3 (ตามรายงานสำนักงานสาขา ททท. ในระบบ TATIC) ทำให้มีการปรับลดความถี่เที่ยวบินประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนเข้าประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2568 ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 23 สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย ลดลงร้อยละ 24 และฮ่องกง ลดลงร้อยละ 23 ตามลำดับ ในขณะที่ตลาดไต้หวัน ในเดือนมีนาคมมีจำนวนลดลงร้อยละ 12 หลังการประกาศเตือนการเดินทางมายังประเทศไทย ว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นแหล่งของแก๊งมิจฉาชีพตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568  

ทั้งนี้ ททท. มุ่งเน้นเร่งฟื้นคืนความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน โดย 

  1. สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในตลาดจีน ร่วมมือกับบริษัท Beijing Baidu Netcom Science Technology จำกัด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและเทคโนโลยี AI ของ Baidu และเพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวจีนศักยภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเข้าใจและฟื้นคืนความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง
  2. จัดทำ Joint Promotion ร่วมกับ Trip.com มอบส่วนลดในการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเส้นทางจีน-ไทย เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง 
  3. จัดแคมเปญร่วมกับ Alipay มอบสิทธิพิเศษผ่านการใช้จ่าย Mobile Payment และคูปองส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2568
  • ความกังวลด้านความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางเครื่องบินของตลาดเกาหลีใต้ อุบัติเหตุเครื่องบินของสายการบิน Jeju Air เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567 ส่งผลกระทบต่อ Sentiment การเดินทางท่องเที่ยวไทย ในช่วงต้นปี 2568 เนื่องจากมีการยกเลิกการจองและระงับเที่ยวบินเข้าไทยของสายการบิน Jeju Air ในเส้นทาง Muan-Bangkok จำนวน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงร้อยละ 11 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 และการหันเหการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศคู่แข่ง เช่น ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม จากนโยบายผ่อนคลายด้านวีซ่า ความน่าดึงดูดจากสภาพอากาศของแหล่งท่องเที่ยว และค่าเงินเยนอ่อนค่า ทั้งนี้ ททท. สำนักงานโซล ได้ประชาสัมพันธ์ประสบการณ์ที่น่าประทับใจผ่าน Influencer และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับกิจกรรม Trekking ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดความสนใจพิเศษกลุ่มใหม่ ๆ ในตลาดเกาหลี ให้เกิดการรับรู้และสนใจเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
  • มาตรการยกเว้นวีซ่า (Visa Exemption) ดึงดูดตลาดไต้หวันเดินทางเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวไต้หวันเดินทางเข้าไทย 2.9 แสนคน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11) โดยมีจำนวนที่นั่งโดยสารเครื่องบินจากไต้หวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 หรือมีที่นั่งโดยสารเครื่องบินในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 จำนวน 574,661 ที่นั่ง และมีที่นั่งโดยสารเครื่องบินสูงกว่าปี 2562 ร้อยละ 21 นอกจากนี้ ททท. จัดแคมเปญร่วมกับบริษัท Star Travel ผู้ประกอบการนําเที่ยวรายใหญ่ในไต้หวัน เพื่อกระตุ้นการขายและเพิ่มที่นั่งเที่ยวบิน ผ่านการจัดทํา Charter Flight เส้นทางไทเป-ภูเก็ต พร้อมโปรโมชันราคาพิเศษสําหรับผู้ที่ซื้อแพ็กเกจเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม – 31 มีนาคม 2568
  • การมุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่ม Gen Z โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น จากการร่วมมือของ ททท. กับพันธมิตรขับเคลื่อนกลุ่ม Educational Trip นักเรียน-นักศึกษา และการเปิดเที่ยวบินเส้นทางใหม่ โอกินาวา-กรุงเทพฯ ของสายการบิน Lion Air จำนวน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ตั้งแต่ 21 มกราคม 2568 ผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดญี่ปุ่นเข้าไทย เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 17 

 

 

ภาพรวมภูมิภาคยุโรป เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงในเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยแบ่งกลุ่มตลาดได้ดังนี้

  1. ตลาดที่มีการเติบโตดีสูงกว่าภาพรวมภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดอิสราเอล (เพิ่มขึ้นร้อยละ 112) อิตาลี (เพิ่มขึ้นร้อยละ 25) ฝรั่งเศส (เพิ่มขึ้นร้อยละ 23) ยุโรปตะวันออก (เพิ่มขึ้นร้อยละ 22) และนอร์เวย์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 19) 
  2. ตลาดที่เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ได้แก่ รัสเซีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 16) เนเธอร์แลนด์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 16) สหราชอาณาจักร (เพิ่มขึ้นร้อยละ 15) เบลเยียม (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12) ออสเตรีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11) สเปน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11) และเยอรมนี (เพิ่มขึ้นร้อยละ 8) 
  3. ตลาดที่เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเท่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดปี 2562 ได้แก่ นอร์เวย์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 19) สวีเดน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 9)  เดนมาร์ก (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7) ฟินแลนด์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7) และสวิตเซอร์แลนด์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3)

ปัจจัยสนับสนุนการเดินทาง มีดังนี้

  • การเดินทางท่องเที่ยวหลังจบการศึกษาหรือก่อนเข้ารับการเกณฑ์ทหาร (Gap year) ผลักดันให้นักท่องเที่ยวอิสราเอล โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน/นักศึกษาหรือกลุ่มวัยเริ่มทำงาน เลือกเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัย และประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่เป็นมิตรเหมือนบ้านหลังที่สองของชาวอิสราเอล (ข้อมูลจาก ททท. สำนักงานกรุงโรม)
  • ความต้องการหลีกหนีสภาพอากาศหนาวเย็นและฝนชุกมากกว่าปกติในช่วงฤดูหนาวจากปรากฏการณ์ลานีญา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรปมีความต้องการเดินทางไปพักผ่อนในแหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศอบอุ่น ชายหาดและทะเล จากข้อมูลการจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้ามายังประเทศไทยในระบบ ForwardKeys ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 พบว่า 
  • ตลาดอิสราเอล อิตาลี และฝรั่งเศส มีสัดส่วนยอดจองฯ เพิ่มขึ้นดีที่สุดเทียบกับปีก่อนหน้า 
  • จุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมในไทยที่นักท่องเที่ยวจองการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เกาะสมุย กระบี่ และเชียงใหม่ 
  • จำนวนที่นั่งบนเครื่องบินในภูมิภาคยุโรปเข้าไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 หรือมีจำนวนที่นั่งรวม 1.7 ล้านที่นั่ง โดยหลายประเทศในยุโรปเพิ่มเที่ยวบินตรงเข้าไทย 
    • เปิดเที่ยวบินใหม่ อาทิ
      • สายการบิน Alitalia เส้นทางอิตาลี-กรุงเทพฯ 
      • สายการบิน Condor เส้นทางแฟรงก์เฟิร์ต-กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต
      • สายการบิน Evelop Airlines S.L. เส้นทางมาดริด-กรุงเทพฯ
      • สายการบิน Air Celedonie International เส้นทางปารีส-กรุงเทพฯ
    • เพิ่มความถี่เที่ยวบิน อาทิ 
      • สายการบิน Iberojet เส้นทางมาดริด-กรุงเทพฯ จาก 1 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เป็น 2 เที่ยวบิน/สัปดาห์
      • สายการบิน Norse Atlantic Airways เส้นทางลอนดอน (แกตวิก)-กรุงเทพฯ ปรับเพิ่มเป็น 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มวันที่ 3 ธันวาคม 2567 – 27 มีนาคม 2568 จากเดิม 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายน 2567

 

ภาพรวมภูมิภาคอเมริกา เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลที่มีสัดส่วนมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากภูมิภาคยุโรป ทั้งด้านจำนวนและรายได้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 

ซึ่งทุกตลาดในภูมิภาคอเมริกามีจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาสูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดปี 2562 แล้ว โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา และอาร์เจนตินา 

ปัจจัยสนับสนุนการเดินทาง มีดังนี้

  • แนวโน้มพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันเปลี่ยนไปนิยมการท่องเที่ยวแบบ Silent Travel
    การท่องเที่ยวธรรมชาติเพื่อพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบช่วยให้ผ่อนคลาย ดังนั้น ประเทศไทยจึงเป็นอีกจุดมุ่งหมายของเทรนด์นักท่องเที่ยวนี้ โดยเฉพาะด้าน wellness spa off the beaten path และการท่องเที่ยวธรรมชาติ (จากข้อมูล Travel Trends Report 2025: Silent Travel) ซึ่ง ททท. ได้จัดกิจกรรม Mega Influencers FAM Trip: WYA-Where You At – Thailand ร่วมกับบริษัทนำเที่ยว คือ EF Ultimate Break และ Intrepid ในสหรัฐอเมริกา และ MinAsia ในบราซิล นำคณะ Influencers กลุ่ม Gen Z จำนวน 30 ราย เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยแบ่งการเดินทางออกเป็น 4 เส้นทาง ตามโปรแกรมในการเสนอขายที่แต่ละบริษัทมี ซึ่งรวมสินค้าและบริการด้าน Sustainable จากโครงการ Tourism Cares
  • Air Canada เปิดเส้นทางบินตรง แวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 2 พฤษภาคม 2568 

ภาพรวมภูมิภาคเอเชียใต้ เป็นหนึ่งในกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ที่มีอัตราการเติบโตดีทั้งด้านจำนวนและรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 

ตลาดหลัก “อินเดีย” เติบโตดีอย่างต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทย 5.44 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 เป็นตลาดศักยภาพที่มีจำนวนและรายได้สูง ติดอันดับ TOP 10 จำนวนและรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568

ตลาดขนาดเล็กในภูมิภาคนี้ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตดีคือ ศรีลังกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 

ตลาดบังคลาเทศ มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 14 เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัวอย่างต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงปี 2567 ส่งผลให้ชาวบังคลาเทศลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวออกนอกประเทศ โดยนักท่องเที่ยวบังคลาเทศที่เดินทางท่องเที่ยวออกต่างประเทศ มีจำนวนลดลงประมาณร้อยละ 80 หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว

ปัจจัยสนับสนุนการเดินทาง มีดังนี้

    • เศรษฐกิจของประเทศอินเดียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก โดยชาวอินเดียที่มีรายได้ระดับปานกลางมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 7.4 ต่อปี ทำให้ชาวอินเดียมีกำลังในการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งนิยมเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น  
    • ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอินเดีย โดยข้อมูลจากระบบ ForwardKeys ระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับ 2 จุดหมายทางการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวอินเดียเลือกเดินทางมากที่สุด รองจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผนวกกับมาตรการยกเว้นวีซ่า (Visa Exemption) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้น สิทธิพำนักในไทยสูงสุด 60 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวอินเดียส่วนใหญ่เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่ม MICE และกลุ่ม Wedding ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าไทยและเพิ่มระยะเวลาพำนักในไทยให้นานขึ้น  
    • เทศกาลเฉลิมฉลองการจัดงานแต่งงานของชาวอินเดียในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวอินเดียนิยมจัดงานแต่งงาน ส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยการเดินทางมาจัดงานแต่งงานในประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการจัดงานในอินเดีย ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้และกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในระยะสั้น ประกอบกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์การจัดงาน Wedding และ Celebration ในไทย ผ่าน Wedding Vows Private Limited Online ของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร ช่วยสร้างการรับรู้และกระตุ้นการเดินทางของชาวอินเดีย 
  • จำนวนที่นั่งโดยสาร (Seat Capacity) และเส้นทางบินใหม่ 
    • Seat Capacity มีจำนวน 1,231,596 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤต Covid-19
    • การเปิดเส้นทางบินใหม่เข้าไทยจากตลาดอินเดียไปยังเมืองท่องเที่ยวทางทะเล
  • เส้นทางมุมไบ-กระบี่ โดยสายการบิน Indigo จำนวน 6 เที่ยวบิน/สัปดาห์
  • เส้นทางไฮเดอราบาด-ภูเก็ต โดยสายการบิน Air-India Express จำนวน 6 เที่ยวบิน/สัปดาห์

 

ภาพรวมภูมิภาคโอเชียเนีย มีอัตราการเติบโตทั้งด้านจำนวนและรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมามากกว่าปี 2562 ก่อนวิกฤตโรคระบาดปี 2562 

ตลาดหลัก “ออสเตรเลีย” และตลาดนิวซีแลนด์ ยังคงมีการเติบโตดีต่อเนื่องจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 และทั้งสองตลาดมีจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมามากกว่าปี 2562 ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568

ปัจจัยสนับสนุนการเดินทาง มีดังนี้

  • Sentiment ของนักท่องเที่ยวออสเตรเลียและผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในออสเตรเลียที่มีต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นไปในเชิงบวก โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
    • นักท่องเที่ยวออสเตรเลียยังคงมองว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม เนื่องจากความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชายหาดที่สวยงาม และค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่คุ้มค่า รวมทั้ง การให้ความสนใจกับการมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่และแท้จริงในประเทศไทย อาทิ การชิมอาหารท้องถิ่น การเข้าร่วมเทศกาลทางวัฒนธรรม และการทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
    • ภาคธุรกิจท่องเที่ยวในออสเตรเลียมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยระบุว่า ความต้องการแพ็กเกจท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น (ข้อมูลจาก ททท. สำนักงานซิดนีย์) จากการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร เพื่อกระตุ้นการเดินทางและเพิ่มการใช้จ่าย ภายใต้แคมเปญ “Jetstar Hotels and Holidays x Thailand | January 2025” โดยเสนอขายแพ็กเกจเที่ยวบินและที่พักราคาพิเศษในประเทศไทยผ่านสื่อออนไลน์ ในพื้นที่เพิร์ท ซิดนีย์ และเมลเบิร์น รวมถึงการมุ่งเน้นเจาะกลุ่มตลาดเป้าหมาย กลุ่ม Gen X (อายุ 45-55 ปี) ที่มีรายได้สูงและชื่นชอบกิจกรรมดำน้ำ และมุ่งเน้นกลุ่มความสนใจพิเศษ กลุ่ม Golf โดยการโฆษณาประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและแพ็กเกจดำน้ำ/กอล์ฟในประเทศไทย ลงในนิตยสารและสื่อออนไลน์
  • นักท่องเที่ยวออสเตรเลียมีแนวโน้มเดินทางออกนอกประเทศสูงขึ้นในปี 2568 และคาดว่าจะสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤต Covid-19 โดยประเทศในแถบเอเชียเป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด (ข้อมูลจากการคาดการณ์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย) ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากระบบ ForwardKeys ที่ระบุว่า จุดหมายทางการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียเลือกเดินทางมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย โดยประเทศไทยติดอันดับ 9
  • จำนวนที่นั่งโดยสาร (Seat Capacity) มีจำนวน 276,282 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากช่วงเดียวกันในปี 2567 และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤต Covid-19 

 

ภาพรวมภูมิภาคตะวันออกกลาง ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567

โดย ตลาดหลัก “ซาอุดีอาระเบีย” เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 ในขณะที่ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” มีอัตราการเติบโตหดตัวลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 เนื่องจาก

  • นักท่องเที่ยวเร่งการเดินทางหลังช่วงฤดูถือศีลอดของชาวมุสลิม (รอมฎอน) โดยเฉพาะตลาดขนาดใหญ่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต และโอมาน แม้ตรงกับช่วงฤดูถือศีลอดของชาวมุสลิม ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 29 มีนาคม 2568 โดยมีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวภูมิภาคตะวันออกกลาง ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ปี 2567 (รอมฎอนปี 2567 ตรงกับช่วงวันที่ 11 มีนาคม – 9 เมษายน 2567)
  • นักท่องเที่ยวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีแนวโน้มเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวในแถบประเทศยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซีย เพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวตะวันกลางในช่วงต้นปีก่อนเข้าสู่ช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิม นอกจากนี้ รายงานของ Wego’s Top Travel Trending แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวชั้นนำในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือระบุว่า ตลาดนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย มีการเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนยังประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชียใต้มากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวอียิปต์ ปากีสถาน และอินเดีย ซึ่งมีการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า เหมาะสำหรับการเดินทางของชาวตะวันออกกลางที่นิยมเดินทางกลุ่มครอบครัว  

 

ภาพรวมภูมิภาคแอฟริกา ทั้งจำนวนและรายได้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 และเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น

ตลาดหลัก “แอฟริกาใต้” มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 1.3 หมื่นคน หดตัวร้อยละ 3 ในขณะที่ตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคแอฟริกา มีจำนวนประมาณ 2.3 หมื่นคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 

ปัจจัยสนับสนุนการเดินทาง มีดังนี้

  • ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระยะไกล ด้วยความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และอัตราค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
  • นักท่องเที่ยวแอฟริกานิยมเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงมายังประเทศไทย โดยผ่านภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสายการบินจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ มีจำนวนที่นั่งเครื่องบินรวม 2.8 แสนที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว (ข้อมูลจากระบบ ForwardKeys)  
  • School Holiday ของประเทศแอฟริกาใต้ เอื้อให้นักท่องเที่ยวแอฟริกากลุ่มเดินทางเป็นครอบครัว เดินทางออกต่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น

 

แนวโน้มสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2568

 

สถานการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยประมาณ 8.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 390,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567

 

ปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยท้าทายตลาดต่างประเทศในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568

(เรียงลำดับจากมากไปน้อยตามความสำคัญของปัจจัยต่อการเติบโตของการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ)

ปัจจัยสนับสนุน

  1. Forward Booking การจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้าเข้าไทย (เมษายน-มิถุนายน 2568) มีแนวโน้มเป็นบวก ภาพรวมยอดจองฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567
  • TOP 5 ตลาดที่มียอดจองฯ เข้ามามากที่สุด ได้แก่
    สหราชอาณาจักร เยอรมนี เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอิสราเอล
  • ตลาดที่มีแนวโน้มยอดจองฯ เติบโตเพิ่มขึ้นสูงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตลาดระยะไกล อาทิ อิสราเอล (ร้อยละ 98) รัสเซีย (ร้อยละ 66) อิตาลี (ร้อยละ 60) สหราชอาณาจักร (ร้อยละ 42) สเปน (ร้อยละ 25) ส่วนตลาดระยะใกล้ อาทิ ญี่ปุ่น (ร้อยละ 12) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 11)

(ที่มา: ระบบ ForwardKeys ณ วันที่ 23 มีนาคม 2568)

  1. การจัดงานเทศกาลสงกรานต์ไทยระดับ World Class Event อาทิ Maha Songkran World Water Festival 2025 ณ ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ และงานเทศกาลสงกรานต์ที่จัดขึ้นทั่วประเทศไทย รวมทั้งการจัดกิจกรรม “Grand Songkran Grand Privileges” ของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ด้วยการนำเสนอสิทธิประโยชน์ส่วนลดการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สวนสนุก การคมนาคม สปา ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายของที่ระลึก ที่เข้าร่วมรายการ นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานเทศกาลดนตรี SIAM Songkran Music Festival ของภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น
  2. Seat Capacity จากต่างประเทศเข้าไทย (เมษายน-มิถุนายน 2568) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 สามารถช่วยรองรับความต้องการเดินทางมายังประเทศไทย
  • ภาพรวมปี 2568 จำนวนที่นั่งโดยสาร 48 ล้านที่นั่ง ฟื้นตัวร้อยละ 86 ของจำนวนที่นั่งในปี 2562 (56 ล้านที่นั่ง)
  • จำนวนที่นั่งฯ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 รวม 11.8 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 หรือฟื้นตัวร้อยละ 89 ของจำนวนที่นั่งปี 2562 (13 ล้านที่นั่ง) (ข้อมูลจากระบบ OAG ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568)
  • การเปิดเที่ยวบินใหม่ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 ไม่น้อยกว่า 12 เส้นทาง บินตรงเข้าสู่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย และภูเก็ต
  1. วันหยุดสำคัญของตลาดต่างประเทศ ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวออกต่างประเทศเพิ่มขึ้น อาทิ
  • เทศกาลอีสเตอร์ (7-20 เมษายน 2568)
  • เทศกาลสงกรานต์/ปีใหม่ ประเทศอาเซียน (12-16 เมษายน 2568) : ลาว สิงคโปร์ เมียนมา 
  • Post Ramadan (หลังวันที่ 31 มีนาคม 2568)
  • เทศกาล Golden Week ญี่ปุ่น (29 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2568)
  • วันหยุดวันแรงงาน (จีน) (1-5 พฤษภาคม 2568)
  1. การส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร เพื่อกระตุ้นการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 และระยะต่อไป อาทิ
  • แคมเปญ “Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025” โดยมีการดำเนินการภายใต้โครงการ Thailand Summer Festivals Months 7Wonders Summer Festivals” ใน 7 หมวดหมู่กิจกรรม ตลอด 7 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-กันยายน 2568 ได้แก่ เทศกาลสงกรานต์ เทศกาล Pride เทศกาลทางวัฒนธรรม ดนตรี กีฬา อาหาร และเทศกาลเชิงศิลปะและความสร้างสรรค์ (Art & Creativity) ถือเป็นการส่งเสริมภายใต้ Grand Festivitiy ของ ททท. 
  • การจัดและเข้าร่วมงาน Consumer Fair/ Travel Fair/ Trade Meet/ Road Show ในพื้นที่ตลาดเป้าหมาย อาทิ ฟินแลนด์ เยอรมนี สเปน มาเลเซีย อินเดีย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ฯลฯ 
  1. คอนเสิร์ตแฟนมีตในประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะศิลปินนักแสดงไทยจากซีรีส์ Boy Love / Girl Love อาจมีส่วนช่วยให้เกิดกระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับศิลปินประเทศแถบเอเชียที่นิยมเดินทางเข้ามาชมคอนเสิร์ต และใช้จ่ายเพื่อร่วมกิจกรรมของศิลปินและท่องเที่ยวในประเทศไทย
  2. มาตรการภาครัฐส่งเสริมการเดินทางเข้าไทย โดยเฉพาะ
    การปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการตรวจลงตราให้มีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้เดินทางมายังประเทศไทย ดังนี้

มาตรการใหม่ ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือนพฤษภาคม 2568  

  • ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ระบบ ตม.6 ออนไลน์ (Thailand Digital Arrival Card) โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็น Smart Tourism Destination

มาตรการเดิม ที่บังคับใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน

  • ยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) 93 ประเทศ
  • ยกเว้นยื่นแบบ ตม.6 ชั่วคราว ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบกและทางน้ำที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (ยอร์ช) จำนวน 16 ด่าน (15 ตุลาคม 2567 – 30 เมษายน 2568)
  • Visa on Arrival (VOA) ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 31 ประเทศ
  • Destination Thailand Visa (DTV) สิทธิพำนักในไทยครั้งละไม่เกิน 180 วัน ไม่จำกัดครั้งภายในระยะเวลา 5 ปี

 

ปัจจัยท้าทาย/ประเด็นติดตาม

  1. ปัญหาภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยของประเทศไทย เนื่องจากการเผยแพร่ภาพข่าวสารเชิงลบกระจายในสื่อโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดภาพลักษณ์เชิงลบด้านความปลอดภัยและความไม่มั่นใจในการเดินทางมาประเทศไทย อาจส่งผลต่อการตัดสินใจยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางของนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดที่มีความอ่อนไหวสูง (กรุ๊ปทัวร์ / กลุ่มครอบครัวสูงวัย / ประชุมสัมมนา) โดยเฉพาะตลาดจีน ฮ่องกง ไต้หวัน 
  2. เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทย (วันที่ 28 มีนาคม 2568) คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในระยะสั้น เนื่องจากมีภาพข่าวในเรื่องความไม่เชื่อมั่นในความแข็งแรงของตึกที่ถล่ม รวมทั้งข่าวที่กระทบกับบริษัทจีนที่สร้างตึก

ทั้งนี้ ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เวียดนาม ซึ่งมีความอ่อนไหวสูง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนอาจเปลี่ยนการเดินทางท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางอื่นแทน โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียที่มีข้อได้เปรียบด้านการจัดการความปลอดภัย อาทิ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์  

  1. มาตรการภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อประเทศคู่ค้า ซึ่งมีแนวโน้มจะมุ่งสู่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา มีความสุ่มเสี่ยงให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยในประเทศต่าง ๆ ที่คาดว่า ค่าครองชีพจะเพิ่มสูงขึ้นจากสินค้าที่ขึ้นราคา 
  2. การแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นจุดหมายปลายทางงานแสดงคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ
  • “สิงคโปร์” กำหนดจัดการแสดงคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลก เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) อย่างเป็นทางการในวันที่ 18-19, 21 และ 24 พฤษภาคม 2568 ณ สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ (Singapore National Stadium) แห่งเดียวในเอเชีย และได้กระแสตอบรับจากแฟนเพลงทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะการจองที่พักในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 358% (ข้อมูลจาก Agoda)
  1. ต้นทุนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยด้านราคาบัตรโดยสารเครื่องบิน ราคาโรงแรมที่พัก ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา อาทิ 
  • มาตรการภาษีเพื่อการท่องเที่ยวต่างประเทศ 

มาตรการภาษีด้านสิ่งแวดล้อม (เยอรมนี) 

  • การจัดเก็บค่าธรรมเนียมด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมของ Lufthansa Group ซึ่งค่าธรรมเนียมอยู่ระหว่าง 1-72 ยูโร (ประมาณ 40-2,836 บาท) สำหรับเส้นทางจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ รวมถึง สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์

อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวระยะไกล (เอเชียแปซิฟิก และประเทศไทย) และกลุ่มที่นิยมเดินทางแบบครอบครัว อาจทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนเส้นทางการท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางที่ใช้เวลาสั้นกว่าและต้นทุนถูกกว่า

 

Share This Story !

6.5 min read,Views: 1375,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    พฤษภาคม 23, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    พฤษภาคม 23, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    พฤษภาคม 23, 2025