Gen Z and Millennials Travel Trends 2025 ส่อง 10 แนวโน้มพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ประจำปี 2025

 

 

เรียบเรียงและจัดทำโดย: บัณฑิต เอนกพูนสินสุข

ที่มา : GLOBETRENDER และ SKIFT GLOBAL FORUM

 

 

 

#1 – เลือกเที่ยวด้วยติ๊กต็อก (TikTok Trailblazing)

“ไม่อยากรีบ ไม่ต้องการแย่งเข้าชมจุดหมายปลายทางยอดนิยมเหมือนนักท่องเที่ยวชะโงกทัวร์ – นักท่องเที่ยวกลุ่ม Millennials และ Gen Z เลือกใช้แอปพลิเคชัน TikTok ในการค้นหาสถานที่นอกกระแสและแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการแนะนำโดยคนในพื้นที่แทน”

คำนิยาม: นักท่องเที่ยวกลุ่ม Millennials และ Gen Z เลือกใช้แอปพลิเคชัน TikTok มากขึ้นในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำแบบ Real time เมื่อวางแผนการท่องเที่ยว โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ท้องถิ่นมากกว่าการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแบบดั้งเดิม

ปัจจัยสนับสนุน:

  • ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ในยุโรปกว่า 71% เลือกใช้แอปพลิเคชันเพื่อสืบค้นเนื้อหาประเภท Travel Content และในขณะเดียวกันกว่า 77% ของผู้ใช้ได้รับแรงบันดาลใจเพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้ชมจากคอนเทนต์
  • ผลการวิจัยช่วงฤดูร้อนประจำปี 2024 ของการท่องเที่ยวออสเตรเลีย (Tourism Australia) พบว่า 62% ของนักท่องเที่ยวที่มีอายุระหว่าง 22-25 ปี ได้ทำการจองทริปการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่พวกเขาเห็นผ่านแอปพลิเคชัน TikTok
  • TikTok ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก (ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านบัญชี) และในช่วงปีที่ผ่านมากระแส Content ประเภท Dupe หรือ Duplicate ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับการใช้เพื่อค้นหาจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ตอบสนองเทรนด์การท่องเที่ยว แบบ *‘Dupe Travel’ ที่เลือกเดินทาง สถานที่ และใช้บริการด้านการท่องเที่ยวนอกกระแสแทนการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยม

*Dupe Travel คือ เทรนด์การท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเลือกทางการท่องเที่ยวเป็นทางเลือกใหม่ ๆ มีความสวยงามไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ในขณะเดียวกันเป็นสถานที่หรือการให้บริการที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือมีคนรู้จักไม่มาก 

  • ผู้บริโภค Gen Z กว่า 40% เลือกใช้ TikTok ในการค้นหาโรงแรม/ที่พักใหม่ ๆ ทัวร์นำเที่ยว และเคล็ดลับในการท่องเที่ยวแทน Google 
  • ในมุมมองส่วนใหญ่ของ Gen Z มองว่า TikTok ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่า อัลกอริทึม(Algorithm) สามารถแนะนำสถานที่ที่สอดคล้องกับทริปที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ผ่านหน้า ‘For You’ และในขณะเดียวกันสถานที่ที่แนะนำจะมีความแปลกใหม่ เห็นภาพ/คลิปที่ชัดเจน และที่สำคัญปักหมุดเซฟลงในฟีเจอร์ ‘Want To Go’ ของ Google Maps ได้

 

#2 – เที่ยวข้ามเมือง (City Hopping)

“คุณเคยไปเที่ยวมาแล้วกี่เมือง? – กลายเป็นอีกหนึ่งคำถามจี้ใจที่สร้างแรงจูงใจให้นักเดินทางกลุ่ม Gen Z และ Millennials อยากไปเที่ยว Check-in เก็บจุดหมายปลายทาง/เมืองให้มากที่สุดในแต่ละทริป”

คำนิยาม: นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่เลือกที่จะเดินทางระยะสั้นไปยังจุดหมายปลายทางหลายเมือง โดยมุ่งเน้นการดื่มด่ำกับวัฒนธรรมมากกว่าการพักผ่อนระยะยาว โดยมีแนวโน้มสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่จะได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายภายใต้การเดินทางใน 1 ทริป

ปัจจัยสนับสนุน:

    • 5 อันดับ กิจกรรมยอดนิยมของนักเดินทางกลุ่ม Gen Z และ Millennials เมื่อเดินทางไปท่องเที่ยว ได้แก่ เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว Landmark ต่าง ๆ (31%) ชอปปิง (22%) เยือนสถานที่ที่ดารา/คนดังเคยอาศัยอยู่ (9%) ชมการแสดงนิทรรศการต่าง ๆ (8%) และเที่ยวสถานที่แสดงงาน Street art (7%)
  • จากรายงานของ Euromonitor International พบว่าในปี 2023 เมืองอิสตันบูล (Istanbul ประเทศตุรกี) คือ เมืองอันดับ 1 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนมากที่สุด โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเทียบกับปี 2023 ถึง 26% (+26% YoY) ตามมาด้วยลอนดอน (+17% YoY) และดูไบ (+18% YoY) ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวแบบหลายเมืองในทริปเดียวกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและปี 2025 เทรนด์การท่องเที่ยวแบบรวมหลายเมืองในหนึ่งทริปจะมีแนวโน้มที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก
  • เทรนด์การท่องเที่ยวหลายเมืองในหนึ่งทริปมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในโซนทวีปยุโรปที่มีระบบการจัดการ/การเชื่อมโยงทางรางที่ดีเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเยือนจุดหมายปลายทางหลายแห่งได้สะดวกภายในหนึ่งทริป สอดคล้องกับข้อมูลรายได้การขายบัตรโดยสารประเภทไม่จำกัดเที่ยวและประเทศ (Eurail และ Interrail Pass) ของ Eurail BV ที่ระบุว่ามียอดขายกว่า 1.2 ล้านใบ ในปี 2023 เติบโตกว่า 25% จากยอดขายปีก่อนหน้า 
  • แม้ว่าเมืองยอดนิยม/เมืองหลักอย่าง ปารีส (Paris) โรม (Rome) และนิวยอร์ก (New York) จะยังคงเป็นที่นิยมอยู่ แต่กระแสเมืองรอง (Second cities) และจุดหมายปลายทางทดแทน (Destination dupes) ก็มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นเมืองปอร์โต้ (Porto) ลียง (Lyon) และโบโลญญา (Bologna) ที่กำลังขึ้นมาอยู่ใน Spotlight ของกลุ่มนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นเมืองที่สามารถนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างให้กับนักท่องเที่ยว และในขณะเดียวกันก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับการหลีกเลี่ยงปัญหาแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวแออัดมากเกินไป

 

#3 – เที่ยวตามคอนฯ (Gig Tripping)

“นักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Z และ Millennials เลือกจุดหมายทางสำหรับการพักผ่อนโดยมีปัจจัยสำคัญคือ คอนเสิร์ต เทศกาลดนตรี และการแสดงในจุดหมายปลายทางที่เลือก”

คำนิยาม : คอนเสิร์ตและการแสดงสด (Live performances) กำลังกลายเป็นแรงจูงใจหลักในการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากวางแผนการเดินทางเพื่อเข้าร่วม/รับชมการแสดงเหล่านี้

ปัจจัยสนับสนุน :

  • กระแสการท่องเที่ยวเพื่อรับชมคอนเสิร์ตมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ “The Eras Tour” คอนเสิร์ตระดับโลกของสาว Taylor Swift ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์และสร้างเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (US Travel Association 2024) หรือราว ๆ 3 แสนล้านบาท
  • คอนเสิร์ต “The Eras Tour” ในซิดนีย์ (Sydney ประเทศออสเตรเลีย) ที่จัดขึ้นที่สนามกีฬา Accor Stadium มีผู้เข้าร่วมคอนเสิร์ตกว่า 335,000 คน เป็นหนึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่โรงแรมกว่า 40 แห่ง (ในเครือ Accor) ในเมืองซิดนีย์มีอัตราการเข้าพักสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
  • แรงดึงดูดจากศิลปิน/นักร้อง/นักแสดง มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจจองทริปการท่องเที่ยว จากผลสำรวจของ Thrillist (บริษัทสื่อออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวสัญชาติอเมริกัน) และ Price4Limo (บริษัทขนส่งมวลชนสัญชาติอเมริกัน) พบว่าชาวอเมริกัน 25% ยอมที่จะเดินทางไกลเกิน 500 ไมล์ (804.67 กิโลเมตร) เพื่อจะไปชมคอนเสิร์ต และในขณะเดียวกันชาวสหรัฐอเมริกาจำนวนมากยังให้ความเห็นว่าบัตรชมคอนเสิร์ตในต่างประเทศมีราคาขายที่ถูกกว่า หาซื้อได้ง่ายกว่า และยังสามารถสร้างประสบการณ์ในการท่องเที่ยวต่างประเทศไปพร้อม ๆ กับการรับชมคอนเสิร์ต
  • ช่วงเดือนสิงหาคม 2024 ที่ผ่าน หลังจากที่ ‘OASIS’ วงดนตรี Britpop ยุค 90 ชื่อดังได้ประกาศกลับมารวมตัวกันเดินสายทัวร์จัดคอนเสิร์ต โรงแรมต่าง ๆ ในเมืองที่มีกำหนดจัดถูกจองที่พักเต็มหมดในทันที (ในช่วงระยะเวลาการแสดงคอนเสิร์ต)
  • แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคกลัวที่จะพลาด (FOMO – fear of missing out) ประสบการณ์เทศกาลดนตรีต่าง ๆ และในปัจจุบัน โรงแรมที่พักเริ่มเกาะกระแสนี้โดยเริ่มมีการจัดแพ็กเกจ ‘การท่องเที่ยวเพื่อการชมคอนเสิร์ต’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับช่วงเทศกาลดนตรีใหญ่อย่างแกลสตันบูรี (Glastonbury สหราชอาณาจักร) โคเชลลา (Coachella รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา) และทูมอร์โรว์แลนด์ (Tomorrowland เบลเยียม)

 

#4 – เที่ยวดูกีฬา (Stadium Safaris)

“การได้เข้าไปรับชม เข้าไปเชียร์ทีมที่รัก/นักกีฬาที่ชอบ ไปพร้อมกับบรรยากาศเสียงเชียร์ของผู้คนข้าง ๆสนามคือสิ่งที่ฉันใฝ่ฝัน”

คำนิยาม: ความสนใจในการเข้าชมการแข่งขันกีฬาระดับใหญ่กำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยการเดินทางของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่จะมุ่งเน้นไปที่การได้เข้าไปเยือนสนามแข่งขันอันเป็นตำนานและการได้รับชมการแข่งขันของทีมที่สำคัญ/ทีมที่รัก ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่แฟนกีฬา

ปัจจัยสนับสนุน:

  • ในปี 2023 การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports tourism) มีมูลค่าทางการตลาดทั่วโลกสูงถึง 567.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 18 ล้านล้านบาท) โดยคิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกีฬาโดยตรงจะมีมูลค่าราว 52.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ผลสำรวจของสมาคมกีฬาและการท่องเที่ยวของสหรัฐอเมริกา (Sports Events and Tourism Association) ยังพบอีกว่าในปี 2023 ชาวอเมริกันมีทริปการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับกีฬารวมกันกว่า 204.9 ล้านทริป  
  • 13% ของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Z และ Millennials เลือกที่จะไปสนามกีฬาและเข้าชมการแข่งขันกีฬาเมื่อพวกเขาเดินทางไปท่องเที่ยว
  • ในปี 2024 นักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Z และ Millennials 67% วางแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวเพื่อรับชมการแข่งขันกีฬา ในขณะที่ 38% ยอมที่จะเดินทางระยะไกล (เวลาการเดินทางตั้งแต่ 6 ชั่วโมง ขึ้นไป) เพื่อไปรับชมการแข่งขันกีฬาโดยเฉพาะ (Skift Global Forum 2024)
  • ในปี 2025 เมืองลาสเวกัส (Las Vegas รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา) วางแผนที่จะจัดการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่เทียบเท่ากับ Scale การจัด Super Bowl เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวเพื่อรับชมกีฬาที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยการจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอเมริกันฟุตบอล หรือ ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 58 (Super Bowl LVIII) ที่ผ่านมาสร้างเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 335,000 ล้านบาท) (Skift Global Forum 2024)
  • จากผลการวิจัยของ Skift Research พบว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชมกีฬา (Sport traveller) ใช้จ่ายเงินต่อทริปสูงกว่านักท่องเที่ยวประเภทเดินทางเพื่อจุดประสงค์หลักเพื่อการพักผ่อน (Leisure traveller) เฉลี่ย 1,154 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38,700 บาท) (Skift Global Forum 2024)

 

#5 – ต่อเวลาเพื่อท่องเที่ยว (Weekend Extenders)

“นักเดินทางส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดในระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น พวกเขามีความต้องการที่จะทำงาน Remote จากที่ทำงานในวันจันทร์และวันศุกร์หรือการเลือกทำงานเพียง 4 วันต่อสัปดาห์”

คำนิยาม : นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่โหยหารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้วันหยุดสุดสัปดาห์ของพวกเขากลายเป็นโอกาสในการท่องเที่ยวที่ผสมผสานการทำงานและการพักผ่อนเข้าด้วยกันในรูปแบบของการเดินทางระยะสั้นที่สามารถทำได้บ่อยครั้งมากขึ้น

ปัจจัยสนับสนุน :

  • ในปี 2025 สายการบิน Easyjet จะมีอายุครบ 30 ปี สายการบิน Ryanair จะมีอายุครบ 40 ปี และ สายการบิน AirAsia จะมีอายุครบ 31 ปี ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่เติบโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับสายการบินราคาประหยัด จากเดิมที่การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศต้องใช้เงิน ใช้เวลา และการวางแผนล่วงหน้าที่อย่างรอบคอบ การทำงานและการพักผ่อนมีเส้นแบ่งกั้นที่ชัดเจน กลายมาเป็นยุคที่การเดินทางมาได้ยากและมีราคาแพงเมื่อสมัยก่อน ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และ Gen Z เติบโตขึ้นมากับความเคยชิน พวกเขาเป็นพวกที่มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยี มีความพร้อมในการทำงานจากที่ไหนก็ได้ พวกเขาพร้อมที่จะละทิ้งโมเดลการท่องเที่ยวแบบเดิม ๆ
  • 23% ของนักเดินทาง Gen Z และ Millennials ต้องการที่จะผสมผสานเวลาทำงานร่วมกับการพักผ่อนด้วยการทำงานนอกสถานที่ / ในต่างประเทศเพื่อขยายระยะเวลาในการท่องเที่ยวหลาย ๆ ทริป
  • การทำงานแบบ 4 วันต่อสัปดาห์และการทำงานแบบ 9 วันใน 2 สัปดาห์ (9-Day Fortnight) กำลังกลายเป็นวัฒนธรรมปกติในยุโรปและอีกหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย (Australia) นิวซีแลนด์ (New Zealand) ญี่ปุ่น (Japan) แคนาดา (Canada) และสหรัฐอเมริกา (USA)
  • ภายในปี 2030 จำนวนอาชีพที่สามารถทำงาน Remote จากที่ไหนก็ได้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกว่า 25% โดยมีประชากรกว่า 92 ล้านคนทำงานแบบ Remote เต็มตัว (World Economic Forum 2024)
  • ปัจจุบัน การขยายวันหยุดสุดสัปดาห์ให้กลายเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อนระยะสั้น โดยการผสมผสานการทำงาน Remote work กับวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่การใช้วันลาพักร้อน 2-3 วัน กำลังกลายเป็นเรื่องปกติ (แทนการลาพักร้อนยาว ๆ) การเปลี่ยนแปลงนี้มิได้ส่งผลต่อรูปแบบการท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่เพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อมุมมองความต้องการในการใช้ชีวิตแบบ Work-life balance อีกด้วย
  • 12% ของนักเดินทาง Gen Z และ Millennials วางแผนที่จะทำงานแบบ Workation ในปี 2025 
  • นักเดินทาง Gen Z และ Millennials 17% เลือกที่จะเที่ยวสั้นหลาย ๆ ทริป แทนการเดินทางท่องเที่ยวระยะไกลโดยใช้ระยะเวลานานเพียงหนึ่งทริป

 

#6 – การเชื่อมโยงที่ลึกซึ้ง (Scene Seeking)

“การได้เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับผู้คนและชุมชนคือสิ่งที่นักเดินทางกลุ่ม LGBTQ+ ให้ความสำคัญและยอมเดินทางเพื่อแสวงหา”

คำนิยาม : นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่กำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่สอดคล้องกับค่านิยมและความสนใจของพวกเขา โดยแสวงหาวัฒนธรรม กลุ่ม หรือชุมชนท้องถิ่นที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของตนเอง

ปัจจัยสนับสนุน :

  • 33% ของนักเดินทาง Gen Z และ Millennials ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของจุดหมายปลายทาง
  • นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ โหยหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เปิดรับความแตกต่างและมอบโอกาสในการได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชน/ท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง มิได้จำกัดเพียงแค่งานเฉลิมฉลอง Pride แบบเดิม ๆ
  • งานปาร์ตี้สุดสำราญ (Hedonistic party) แบบสมัยก่อนเกิดโควิด-19 ไม่ใช่แรงขับเคลื่อนหลักในการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQ+ อีกต่อไป พวกเขาโหยหาการพัฒนาตนไปพร้อมกับการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความหลากหลายทางเพศ กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพแบบกลุ่มสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มวิ่ง Get Gayns และฟุตบอลคลับอย่าง Ex-Girlfriend FC
  • การเคลื่อนไหวเรียกร้องความยุติธรรมในสังคมที่เพิ่มขึ้นทั้ง Black Lives Matter และ Free Palestine ทำให้นักเดินทางกลุ่ม LGBTQ+ ใช้วิจารณญาณและให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น พวกเขาตระหนักถึงความโปร่งใสและผลประโยชน์ทางการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับเม็ดเงินสีชมพู (Pink Money) ของพวกเขา
  • ขอบเขตการยอมรับที่เปิดกว้างขึ้น ข้อจำกัดด้านประสบการณ์ที่ลดลง และเงื่อนไขกรอบเวลาที่ลดลง ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มนี้แสวงหารูปแบบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวที่ลึกซึ้งและยอมรับในความหลากหลายมากยิ่งขึ้น 
  • อดีตแอปพลิเคชันหาคู่ Grindr (แบบฉาบฉวย) ต้องการสนับสนุนการสร้างมิตรภาพอย่างลึกซึ้งให้กลุ่ม LGBTQ+ และได้เปิดตัวแผนการนำเสนอการบริการด้านการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ ให้พวกเขาได้สำรวจและท่องเที่ยวไปกับเพื่อนใหม่ในชุมชน พร้อมกับการเปิดตัว mini-series ‘Host of Travel’ ที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQ+ ที่ได้เดินทางร่วมกับผู้ใช้งาน Grindr
  • Everywhere is Queer คือตัวอย่างแอปพลิเคชันสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวสำหรับผู้บริโภคกลุ่ม LGBTQ+ เป็นแพลตฟอร์มช่วยคัดกรองธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชาว LGBTQ+ ผู้ใช้งานสามารถค้นหาธุรกิจหรือสถานที่ใกล้เคียงที่ดำเนินการโดยเจ้าของ LGBTQ+ หรือเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ ได้ โดยมีตั้งแต่ธุรกิจธรรมดาทั่วไปอย่าง คาเฟ่ ร้านอาหาร ฟิตเนส ไปจนถึงฟาร์มในแต่ละชุมชน

 

#7 – เที่ยวกินให้ถึงแก่น (Gastro Globetrotting)

“นักเดินทางสายกินกำลังวางแผนการเดินทางเพื่อลิ้มรสประสบการณ์อาหารในรูปแบบต่าง ๆ อย่างแน่วแน่ ทั้งทัวร์ลิ้มรสร้านอาหารมิชลิน หรือแม้แต่อาหาร Street food ธรรมดาข้างทาง”

คำนิยาม : อาหารเป็นส่วนประกอบสำคัญของการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่จำนวนมากมองหาอาหารท้องถิ่นที่แท้จริง เพื่อเชื่อมโยงตัวเองกับวัฒนธรรมและเพิ่มพูนประสบการณ์การท่องเที่ยวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ปัจจัยสนับสนุน :

  • 49% ของนักเดินทาง Gen Z และ Millennials ให้ความสำคัญกับอาหารท้องถิ่นเป็นอย่างมากเมื่อต้องตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยว ในขณะที่ 44% ให้ความสำคัญในระดับปานกลาง
  • กิจกรรมยอดนิยมที่นักเดินทาง Gen Z และ Millennials ทำเมื่อเดินทางท่องเที่ยว นอกเหนือจากการไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว ประกอบด้วย การกินอาหารในร้านอาหารท้องถิ่น (26%) การสำรวจตลาดอาหาร (17%) และการดื่มชิลในผับ/บาร์ (9%)
  • ในปัจจุบันการรับประทานอาหารระหว่างการท่องเที่ยวเป็นมากกว่าการกินอาหารอร่อย ๆ เพื่อให้อิ่มท้อง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญในเรื่องกินแล้วนั้น การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อจะต้องมีความเป็น Authentic และสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าได้ อย่างร้านอาหารเม็กซิกันเก่าแก่ Taquería El Califa ในเม็กซิโกซิตี (Mexico City) ที่แม้จะมีเมนูอาหารเพียง 4 ประเภท แต่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน (ตั้งแต่ปี 1968) และมีความเป็น Authentic Mexican food จึงทำให้ได้รับรางวัลมิชลินไปในปีล่าสุด หรือแม้แต่ศูนย์อาหาร San Francisco’s Saluhall  Saluhall ในซานฟรานซิสโกที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ศูนย์อาหารทั่ว ๆ ไป แต่เป็นศูนย์อาหารที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนคนในชุมชนโดยตรง เจ้าของร้านภายในศูนย์อาหารคือคนในพื้นที่  และในขณะเดียวกันภายในศูนย์อาหารยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนทำอาหารโดยชุมชนอีกด้วย วัตถุดิบที่ใช้เป็นของตามฤดูกาลที่เก็บเกี่ยวภายในพื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา) ราคาอาหารภายในศูนย์มีราคาย่อมเยา แต่ให้คุณค่าทางประสบการณ์กับผู้มาเยือน และผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับอัตลักษณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของสถานที่แห่งนี้

 

#8 – เที่ยวไปกับชาวเรา (Tribe Travel)

“การสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์น่าจดจำกับครอบครัวและคนที่รักจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในปี 2025”

คำนิยาม: การท่องเที่ยวแบบกลุ่มกับเพื่อน กลุ่ม และครอบครัว มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น โดยเน้นการแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันซึ่งช่วยเสริมสร้างความผูกพันทางสังคมให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยสนับสนุน:

  • 28% ของนักเดินทาง Gen Z และ Millennials ตั้งใจที่จะเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนในปี 2025
  • คำพูดที่ว่า “ต้องเป็นคนแบบเดียวกันถึงอยู่ด้วยกันได้” เป็นคำที่อธิบายถึงพื้นฐานของเทรนด์นี้ได้เป็นอย่างดี การค้นหาความเป็นส่วนหนึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของเทรนด์นี้ การเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนหรือกลุ่มคนที่มีความเชื่อและค่านิยมที่เหมือน/คล้ายกัน เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยว Gen Z และ Millennials โหยหา
  • จากผลการวิจัยกลุ่มตัวอย่าง 750,000 คนทั่วโลกเกี่ยวกับค่านิยมในการใช้ชีวิตของบริษัทวิจัย Valuegraphics พบว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ ‘ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง’ (Belonging) เป็นอันดับต้น ๆ สอดคล้องกับงานวิจัยของบริษัท McKinsey ที่พบว่า 51% ของคนที่ลาออกจากงานแสวงหาการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
  • การได้แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันในสถานที่แปลกใหม่เป็นตัวเร่งในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน จากผลการศึกษาของ European Travel Commission พบว่า 52% ผู้บริโภค Gen Z วัยทำงานเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางบ่อย โดยแต่ละปีจะมีทริปการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3 ทริป และไม่ได้เป็นกลุ่มนักเดินทางเพียงเพื่อการผจญภัย แต่พวกเขามองหาประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและการได้มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น

 

#9 – เที่ยวตามรอยหนัง (Set Jetting)

“นักท่องเที่ยวยังคงหลั่งไหลเดินทางไปยังสถานที่ที่ภาพยนตร์ ซีรีส์ ละคร หรือรายการโทรทัศน์ ยอดนิยมเคยถ่ายทำ พวกเขาต้องการสัมผัสประสบการณ์ในฉากและเรื่องราวบนจอที่พวกเขาชื่นชอบ”

คำนิยาม: การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่ปรากฏตามสื่อยอดนิยม เช่น ภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการโทรทัศน์  กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากนักท่องเที่ยวพยายามที่จะดื่มด่ำกับเรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบ

ปัจจัยสนับสนุน:

  • จากผลสำรวจผู้บริโภค 9,000 รายจาก 8 ประเทศทั่วโลกประจำปี 2024 ของโรงแรมใน Ibis พบว่า 13% ของผู้บริโภคตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการโทรทัศน์ และสารคดี
  • ในปี 2025 จะมีกำหนดฉายภาพยนตร์และซีรีส์ที่น่าจับตามองอีกหลายเรื่อง แน่นอนว่านักเดินทางกลุ่ม Gen Z และ Millennials จะเดินทางไปตามรอยหนัง/ซีรีส์เหล่านั้น สำหรับประเทศไทยต้องจับตาดูกระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางตามรอยซีรีส์ The White Lotus Season 3 ซึ่งสถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่อยู่ที่เกาะสมุย ประเทศไทย
  • ในปี 2023 National Centre for Cinema and the Moving Image ของฝรั่งเศส ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างนักท่องเที่ยว 500 คน พบว่ากว่า 80% ของกลุ่มตัวอย่างได้รับแรงบันดาลใจในการมาเที่ยวฝรั่งเศสจากภาพยนตร์และซีรีส์ โดยหนึ่งในซีรีส์ที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญคือ Emily in Paris
  • หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวหลายประเทศตระหนักถึงศักยภาพในการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวจากเทรนด์นี้และได้พัฒนาโครงการสนับสนุนหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น การประกาศเปิดกองทุนสำหรับการผลิตซีรีส์ทีวีและภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในสิงคโปร์ที่มีมูลค่า 55 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสนใจและสนับสนุนการการถ่ายทำภาพยนตร์ระดับสากลรวมทั้งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาตามรอยภาพยนตร์เหมือนในช่วงกระแสภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians

 

#10 – กิจกรรมยามวิกาล (Nocturnal Activities)

“จากเทรนด์ประสบการณ์ท่องเที่ยวเมกะคลับ (สถานบันเทิงขนาดใหญ่) สุดอลังการแบบลาสเวกัส จนมาเป็นเทรนด์เที่ยวสถานบันเทิงแนวอันเดอร์กราวนด์สไตล์กรุงเบอร์ลิน นักท่องเที่ยวกลุ่ม Millennials และ Gen Z ยังคงวางแผนการเดินทางโดยมุ่งเน้นกิจกรรมยามค่ำคืนเพื่อแสวงหาอิสระ ความเพลิดเพลิน และความสุข อยู่เสมอ แต่แอลกอฮอล์ไม่ได้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกต่อไป”

คำนิยาม: การเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบความบันเทิงยามค่ำคืนผ่านแอลกอฮอล์สู่ประสบการณ์ยามค่ำคืนที่ครอบคลุมมุ่งเน้นด้านสุขภาพและประสบการณ์ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงละครที่สมจริง และการบริโภคอย่างมีสติ กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอายุน้อย

ปัจจัยสนับสนุน:

  • 8% ของนักเดินทางกลุ่ม Millennials และ Gen Z ให้ความเห็นว่ากิจกรรมยามค่ำคืนคือ 1 ใน 3 กิจกรรมการท่องเที่ยวที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุด (ถ้านับเฉพาะช่วงอายุ 18-24 ปี อัตราส่วนจะเพิ่มเป็น 14%)
  • ผู้บริโภค Gen Z ที่มีอายุระหว่าง 16-30 ปี เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เติบโตมาพร้อมกับกระแสการดูแลสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาใส่ใจในสุขภาพและดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่าคนรุ่นก่อน
  • จากผลการวิจัยใน 15 ประเทศตลาดหลักผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ International Wine and Spirits พบว่า ในประเทศญี่ปุ่นผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z มีอัตราการเลิกดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด โดย 63% ของกลุ่มตัวอย่าง Gen Z ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา 54% และแคนาดา 44% แต่อย่างไรก็ดี วัฒนธรรมการดื่มค็อกเทลในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวกลับเติบโตขึ้นในบางประเทศ อาทิ อินเดีย เม็กซิโก แอฟริกาใต้ และบราซิล
  • นักท่องเที่ยววัยรุ่นกลุ่ม Millennials และ Gen Z มองว่ามีประสบการณ์ยามค่ำคืนในช่วงวันหยุดไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการดื่มเสมอไป แต่อาจเป็นกิจกรรมการนั่งชิวบนชายหาดยามค่ำคืน หรือเต้นรำซัลซ่า (Salsa) ในบาร์
  • แม้แนวโน้มการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของหนุ่มสาวจะลดลง แต่กิจกรรมท่องเที่ยวบาร์และไนต์คลับจะยังได้รับความนิยมเช่นเดิม Verified Market Research ได้คาดการณ์ไว้ว่าตลาดบาร์และไนต์คลับทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 124 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.1 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นกว่า 95 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565
  • นักท่องเที่ยวยุคใหม่ไม่ได้สนใจเฉพาะการเที่ยวไนต์คลับเท่านั้น แต่พวกเขาจะแสวงหากิจกรรมและประสบการณ์ที่แปลกใหม่น่าจดจำยามค่ำคืนด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ประสบการณ์การรับประทานดินเนอร์ไปพร้อมกับการรับชมการแสดงละครแนวแก้ปริศนาบนรถไฟ ที่ London The Murdér Express! หรือ ร้าน Jungle Palace ในกรุงปารีส ร้านวนเครือภายใต้แบรนด์ร้านอาหารเชิงประสบการณ์ ชื่อดัง Ephemera ที่นำเสนอประสบการณ์ Dinner แสง สีเสียง ที่ทำให้เหมือนกำลังนั่งรับประทาน Dinner สุดหรูยามค่ำคืนอยู่ใจกลางป่าฝน

 

ที่มา:

  1. รายงาน GO GET IT: How Gen Z/Y Will Travel in 2025 จัดทำโดย Ibis และ Globetrender

https://globetrender.com/product/go-get-it-how-gen-z-y-will-travel-in-2025/

  1. World Economic Forum 2024

https://www.weforum.org/agenda/2024/01/remote-global-digital-jobs-whitepaper/

  1. ข้อมูลจากการเข้าร่วม Skift Global Forum 2024 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

 

Share This Story !

8.4 min read,Views: 403,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    ธันวาคม 4, 2024

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    ธันวาคม 4, 2024

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    ธันวาคม 4, 2024