![00_Cover_NewNorm](https://tatreviewmagazine.com/wp-content/uploads/2021/09/00_Cover_NewNorm-scaled.jpg)
จุดจบของออฟฟิศ? เมื่อ WFH เป็นแนวโน้มระยะยาว
หากมองย้อนไปในอดีตการทำงานใน ‘ออฟฟิศ’ ส่งอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางออกไปทำงานทุกวัน วันละ 8 ชั่วโมง การหยุดพักผ่อนจากการทำงานในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเท่านั้น จนกล่าวได้ว่า จังหวะชีวิตของมนุษย์ทำงานทั่วไปดำเนินไปภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยออฟฟิศ
เมื่อวิกฤต COVID-19 ทำให้ออฟฟิศแทบทุกแห่งทั่วโลก ต้องประกาศให้พนักงาน ‘ทำงานที่บ้าน’ แทนการเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ แล้วการทำงานโดยไม่มีออฟฟิศ (WFH) จะส่งอิทธิพลต่อการทำงานและการอยู่ร่วมกันอย่างไรบ้าง วิถีชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร และโอกาสในอนาคตของธุรกิจท่องเที่ยวจะเป็นอย่างไรต่อไป
และเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ บน TAT REVIEW Vol.7 No.3 July-September 2021 | 90’s Nostalgia ได้ที่ : https://tatreviewmagazine.com/e-magazine/vol-7-no-3-july-september-2021/
————————————————————————————————————————————
Looking Back : Office ในอดีต
นับตั้งแต่ 60-70 ปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีที่แล้ว กิจวัตรประจำวันของมนุษย์ในโลกอุตสาหกรรมจำนวนมากถูกกำหนดจังหวะด้วยระบบการทำงานที่เรียกว่า ‘ออฟฟิศ’ นั่นคือการที่หน่วยงานแต่ละที่ ไม่ว่าหน่วยงานรัฐหรือเอกชน จะมีสถานที่ตั้ง ซึ่งพนักงานทุกคนจะต้องเข้ามาอยู่พร้อมหน้ากันเป็นประจำ
การทำงานในออฟฟิศส่งอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการต้องเดินทางเข้ามาทำงานในพื้นที่ใจกลางเมืองพร้อมกันการนั่งทำงานทุกวันที่โต๊ะประจำ การมีเวลาพักผ่อนเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดที่ทางการกำหนด กล่าวได้ว่า ที่ผ่านมา จังหวะชีวิตของมนุษย์ทำงานทั่วไปดำเนินไปภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยออฟฟิศ
ด้วยความสะดวกและความคุ้นชิน ทำให้การทำงานในออฟฟิศยังเป็นรูปแบบการทำงานกระแสหลัก แม้ว่าเทคโนโลยีจะทำให้คนงานประเภท Knowledge Worker สามารถทำงานได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ นอกจากนี้ การพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะด้านธุรกรรม ยังทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องอาศัยพื้นที่สำนักงานเลยแม้แต่น้อย แต่ก่อนจะเกิดวิกฤต COVID-19 บริษัทที่ใช้ระบบ Flexible Office ทั่วโลกยังมีสัดส่วนเพียงประมาณ 5% เท่านั้น
————————————————————————————————————————————
WFH ไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็ทำงานได้
การระบาดของไวรัสโคโรนาหรือ COVID-19 ส่งผลให้กิจวัตรประจำวันของการ ‘เข้างาน’ ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง บริษัทและหน่วยงานแทบทุกแห่งประกาศให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) แทนการเข้าออฟฟิศโดยติดต่อกันผ่านโทรศัพท์ อีเมล์ หรือการประชุมออนไลน์เท่านั้น
การ Work From Home ทำให้หลายบริษัทค้นพบว่า การทำงานไม่ได้เท่ากับการเข้าออฟฟิศ และการเข้าออฟฟิศอาจไม่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัท
David Mattin นักวิเคราะห์ประจำสำนักวิจัย TrendWatching และผู้เชี่ยวชาญด้าน Strategy and Futures Research สภาเศรษฐกิจโลก ได้กล่าวว่า ‘เหตุการณ์ Lockdown ทำให้พวกเราตระหนักว่า รูปแบบและระบบโครงสร้างของการทำงานที่ผ่านมาเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ทางสังคม ซึ่งหากคนส่วนมากเห็นตรงกัน ระบบนี้อาจถูกยกเลิกและถูกทดแทนด้วยสิ่งอื่นได้’
————————————————————————————————————————————
WFH = Work From Hell ?
งานวิจัยพบว่าพนักงานชาวอังกฤษ 44% รู้สึกว่าต้องทำงานหนักขึ้นเมื่อต้อง Work From Home ซึ่งการทำงานอย่างไร้ขอบเขตนี้ อาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความรู้สึกไม่มั่นคงในอาชีพเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้พนักงานรู้สึกว่าต้องสร้างผลงานเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการถูกเลิกจ้าง
แม้ว่าในภาวะปกติ การ Work Form Home จะทำให้พนักงาน โดยเฉพาะพนักงานผู้หญิงสามารถที่จะทำงานพร้อมกับดูแลภาระทางบ้านได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ COVID-19 ผู้หญิงในสหรัฐฯจำนวน 4.2 ล้านคนต้องลาออกจากงานเนื่องจากไม่สามารถดูแลลูก ๆ ที่ต้องเรียนหนังสือที่บ้านไปพร้อม ๆ กับทำงานได้ โดย Oxfam รายงานว่าในปี 2020 ผู้หญิงทั่วโลกสูญเสียรายได้รวมกัน 800 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ผลวิจัยพนักงาน 31,092 คนจาก 31 ประเทศทั่วโลกโดยบริษัท Microsoft ในเดือนมกราคม 2021 พบว่าพนักงานประมาณ 40% อยากลาออกในอนาคตอันใกล้ โดยสาเหตุหลักมาจากอาการ Digital Burnout หรือความเหนื่อยล้าจากการทำงานผ่านหน้าจอตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะพนักงานรุ่นใหม่ หรือ Gen Z (อายุระหว่าง 18-25 ปี) ซึ่งมีอัตราอยากลาออกสูงถึง 54%
————————————————————————————————————————————
WFH = โอกาสของ Business Travel ในอนาคต ?
บริษัทวิจัยด้านการท่องเที่ยว Skift วิเคราะห์ว่าการทำงานแบบ Work From Home หรือในลักษณะ Hybrid ระหว่างการเข้าออฟฟิศและ Work From Home อาจทำให้เกิดโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ สำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยว
นอกเหนือจากกลุ่ม Remote Worker หรือ Digital Nomad ซึ่งสามารถเดินทางไปทั่วโลกเมื่อไหร่ก็ได้ รวมทั้งสามารถอยู่ในต่างประเทศแบบระยะยาว โดยในอนาคตบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดกลางอาจเลือกที่จะไม่มีพื้นที่สำนักงานเลยแต่อาจมีการรวมตัวของพนักงานบางทีมหรือทั้งองค์กรเป็นครั้งคราว เช่นเดียวกับบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งอาจมีพนักงานทั้งแบบที่เข้าออฟฟิศและแบบ Remote Worker ซึ่งอาจมีการจัดประชุมนอกสถานที่ในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทมีพนักงานจากหลายประเทศทั่วโลก
การจัดประชุมเหล่านั้นเป็นโอกาสที่ดีของภาคการท่องเที่ยว โดยเครือโรงแรมใหญ่ เช่น Marriott Hilton และ Accor ได้เริ่มออกแบบแพกเกจการประชุมและ Work From Hotel เพื่อดึงกลุ่มตลาดดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ความสำเร็จของแผนธุรกิจดังกล่าว ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ด้วย