
สรุปแนวโน้มสำคัญจากการเข้าร่วมงานเสวนา “Global Trend Summit Bangkok 2024”
จัดโดย THINK NEXT ASIA และ TrendWatching
วันที่ 27 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพมหานคร
กองบรรณาธิการ
ที่มา: Global Trend Summit Bangkok 2024
THINK NEXT ASIA ผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์ผู้บริโภค และ TrendWatching องค์กรชั้นนำด้านเทรนด์ระดับโลก ได้ผนึกกำลังจัดงานเสวนา “Global Trend Summit Bangkok 2024” ขึ้น เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดมุมมองเทรนด์ของปี 2025 จากการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์ระดับโลก ร่วมกับผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์ผู้บริโภคในหลากหลายสาขาของประเทศไทย
สรุปแนวโน้มสำคัญจากงานเสวนา ดังนี้
Mirror, mirror | ฝาแฝดในโลกดิจิทัล
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้คนต่างพึ่งพาเทคโนโลยี AI เพื่อช่วยตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าและบริการ การเดินทางท่องเที่ยว หรือการศึกษาเรียนรู้ เทรนด์ในปีนี้เราจึงได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า “Digital twins” หรือการสร้างฝาแฝดของตนขึ้นมาในโลกออนไลน์โดยอาศัยเทคโนโลยี AI จากผลการศึกษาของ Dentsu บริษัทตัวแทนโฆษณาอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นพบว่า กว่าร้อยละ 49 ของผู้บริโภคทั่วโลกต้องการให้ฝาแฝด AI ของตนจัดการกับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันให้ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ผู้บริโภคกว่าร้อยละ 62 ต้องการให้ฝาแฝด AI เกิดขึ้นจริงภายในปี 2035 จากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้หลายหน่วยงานเริ่มประยุกต์ใช้แนวคิด Digital twins ในการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น Chatbot “Future You” ที่สามารถสร้างบทสนทนาระหว่างตัวเราในปัจจุบันกับตัวเราในอนาคต ทำให้เรามองเห็นภาพอนาคตที่ชัดเจนขึ้นและมีแรงผลักดันที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมาย หรือ Technical University of Denmark ที่ฝึกฝน AI โดยใช้ข้อมูลกว่า 6 ล้านเรื่องราวของผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และพยากรณ์ช่วงเวลาการเสียชีวิตของแต่ละบุคคล รวมทั้งวางแผนการดูแลสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต เทรนด์ฝาแฝดในโลกดิจิทัลช่วยให้ผู้บริโภคมองเห็นอนาคต และสามารถนำไปปรับใช้เพื่อที่จะทำให้วันนี้ของเราดียิ่งขึ้น คำถามก็คือ ลูกค้าหรือผู้บริโภคของเรานั้นต้องการรับรู้เรื่องอะไรในอนาคต และเราสามารถช่วยอะไรพวกเขาในปัจจุบันได้บ้าง
Looplife | AI ช่วยให้ชีวิตหมุนเวียนอย่างราบรื่น
เทคโนโลยี AI ส่งผลโดยตรงกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์ง่ายและสะดวกขึ้น อีกทั้งยังตอบสนองต่อวิถีชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องของผู้คนในปัจจุบัน จากผลการวิจัยของ Criteo พบว่า กว่าร้อยละ 41 ของนักชอปจากทั่วโลกคาดหวังว่า AI จะช่วยค้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนหรือผลิตโดยคำนึงถึงจริยธรรมให้กับพวกเขาได้ ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ AI เพื่อตอบสนองทัศนคติของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นได้แก่ “Faircado” บราวเซอร์ที่ใช้ AI ในการค้นหาผลิตภัณฑ์หรือสินค้ามือสองราคาถูกให้กับผู้บริโภค หรือ “Haz” แอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยลดขั้นตอนการซื้อขายสินค้ามือสองให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากแนวโน้มการใช้ AI เพื่อสนับสนุนแนวคิดของผู้บริโภคที่ต้องการใช้ทรัพยากรอย่างเต็มประสิทธิภาพแบบไม่ยุ่งยากและไร้รอยต่อ ทำให้เราเห็นถึงสมการที่สำคัญ นั่นคือ “ความยั่งยืน = ความสะดวก x ราคา x การหมุนเวียน”
ภาพจาก Dove | Real Beauty Prompt Playbook
The Age of Imperfection | ยุคสมัยแห่งความไม่สมบูรณ์แบบ
ผลการวิจัยของ Gallup and the Walton Family Foundation พบว่า 1 ใน 3 ของ Gen Z ในสหรัฐอเมริการู้สึกกดดันที่จะต้องสมบูรณ์แบบ และ Gen Z เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะบอกว่าพวกเขารู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า และเครียด มากกว่าผู้ที่ไม่รู้สึกกดดันถึงร้อยละ 23-30 จากแนวโน้มและข้อเท็จจริงในปัญหาของ Gen Z ในเรื่องนี้ ส่งผลให้หลายแบรนด์สินค้าออกมาส่งเสริมภาพลักษณ์เรื่อง “ความไม่สมบูรณ์แบบ” เช่น Dove ที่นำเสนอแคมเปญ “Real Beauty Prompt Playbook” ด้วยแฮชแท็ก #KeepBeautyReal เพื่อสร้างเสริมความมั่นใจจากความสวยงามตามธรรมชาติ โดย Dove ตั้งใจที่จะไม่ใช้ภาพที่สร้างโดย AI แทนผู้หญิงจริงในการโฆษณา
ความไม่สมบูรณ์แบบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของสถานะใหม่ การมีข้อบกพร่อง ความยุ่งเหยิง และการแสดงความจริงใจทางอารมณ์ คือสิ่งที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ในยุคที่ AI กำลังรุ่งเรือง
ภาพจาก instagram.com/@bedcon_official
Lost Lifestyles | วิถีแห่งความไม่มีตัวตน
ผู้บริโภคต่างมองหาหนทางที่จะหลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบเป็นการชั่วคราว และค้นหาสิ่งที่จะทำให้พวกเขาได้ค้นพบวิถีการดำเนินชีวิตที่เนิบช้าอีกครั้ง ดังจะได้เห็นจากแนวโน้มของ Gen Z ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กว่าร้อยละ 77 ชื่นชอบคอนเทนต์ที่สามารถสร้างความถวิลหาอดีตหรือวันเก่า ๆ (Nostalgia) เพราะทำให้ได้ย้อนกลับไปสัมผัสถึงยุคสมัยแห่งความเรียบง่าย อย่างในเกาหลีใต้ได้จัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะที่สามารถอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยเป็นเวลา 90 นาที หรือการจัดคอนเสิร์ตเป็นเวลายาวนานกว่า 12 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มไปพร้อมกับเสียงเพลงที่ผ่อนคลายและปลอบประโลมจิตใจ จะเห็นได้ว่านาฬิกาของหลาย ๆ คนในยุคปัจจุบันเริ่มเดินช้าลง จากการให้ความสำคัญกับความละเอียดอ่อนของสิ่งรอบตัวมากขึ้นด้วยวิถีความไม่มีตัวตนของพวกเขา การอยู่เฉย ๆ และพักจากการงานบ้าง ไม่ใช่การเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เสมอไป การพัฒนาแบรนด์เพื่อตอบสนองต่อวิถีของผู้คนเหล่านี้ในอนาคต จึงควรที่จะเริ่มตั้งคำถามว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสามารถช่วยให้เวลาของผู้บริโภคเดินช้าลงได้หรือไม่และอย่างไร
ภาพจาก youtube.com/@McDSG
Crossover Currencies | ความสุขเสมือนจริง
การสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์เป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การมีสกุลเงินดิจิทัลทำให้ผู้คนมากมายมุ่งหวังรายได้และกำไรจากการลงทุนในโลกเสมือนจริง แต่ไม่ว่าโลกดิจิทัลจะสร้างผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ได้มากเท่าใด ผู้บริโภคก็ยังคงคาดหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมและเกิดขึ้นในชีวิตจริงจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโลกเสมือน ซึ่งเริ่มมีแบรนด์ที่มองเห็นความคาดหวังเหล่านี้จากผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น McDonald’s ที่สร้างเมตาเวิร์สในชื่อ “My Happy Place” ให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ด้วยการเล่นเกมหรือทำภารกิจต่าง ๆ และรับรางวัลหรือข้อเสนอพิเศษเป็นอาหารของ McDonald’s ในชีวิตจริง หรือ Ikea ที่สร้างโลกเสมือนแห่ง Ikea ขึ้นในเกม “Roblox” และเชิญชวนผู้เล่นให้มาสัมผัสประสบการณ์การทำงานกับ Ikea ในโลกเสมือนนี้ พร้อมรับค่าแรงในชีวิตจริง
ภาพจาก atmo.ai
Equal-AI-Zers | เท่าเทียมด้วย AI
ในช่วงปี 2020s เทคโนโลยี AI จะเร่งให้เกิดความเจริญก้าวหน้าเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างเท่าเทียม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วย AI จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้า บริการ และข้อเสนอต่าง ๆ ได้มากขึ้น ตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมจากการใช้ AI เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ โดยบริษัทด้านสุขภาพและดิจิทัล “LifeSemantics” ได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทำให้การวินิจฉัยโรคมะเร็งผิวหนังเป็นเรื่องง่าย โดยเข้าถึงได้ผ่านภาพถ่ายจากสมาร์ตโฟน หรือบริษัท Atmo Inc. ที่คิดค้นโมเดล AI ที่ช่วยพัฒนาการพยากรณ์อากาศและระบบบรรเทาสาธารณภัยในประเทศกำลังพัฒนา เช่น ฟิลิปปินส์และเวียดนาม สอดคล้องกับผลการสำรวจจากรายงาน Building Trust in the Age of AI โดย Getty Images ที่ระบุว่า กว่าร้อยละ 80 ของผู้บริโภคในเอเชีย-แปซิฟิกเห็นพ้องต้องกันว่า AI มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
Gen Z Decoded | จิตวิญญาณแห่ง Gen Z
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า Gen Z มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมในยุคปัจจุบัน มี Gen Z จำนวนไม่น้อยที่ก้าวเข้ามาในวงการสร้างสรรค์สื่อและคอนเทนต์จากการใช้เทคโนโลยี AI โดย Gen Z กว่าร้อยละ 53 ยกให้อาชีพอินฟลูเอนเซอร์เป็นอาชีพในฝัน เห็นได้จากหนูน้อย “Ryan Kaji” ยูทูบเบอร์สัญชาติอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นวัย 8 ขวบ ที่ขึ้นแท่นเป็นยูทูบเบอร์ที่มีรายได้มากที่สุดในปี 2019 หรือเทรนด์มาแรงอย่าง “Z.E.O” ที่ Gen Z จำนวนมากได้หันมาเริ่มธุรกิจของตนเองโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนหรือทีมงาน เพราะมี AI เป็นผู้ช่วยหลัก เช่น การใช้เครื่องมืออย่าง “Luma Dream Machine” เทคโนโลยีที่ช่วยเปลี่ยนการบรรยายด้วยตัวอักษรให้กลายเป็นวิดีโอที่เคลื่อนไหวได้อย่างสมจริง
ในขณะที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ Gen Z สร้างเงินสร้างอาชีพได้ง่ายขึ้นในโลกออนไลน์ Gen Z เองก็ประสบกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากโลกเสมือนจริงแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) ความวิตกกังวลในที่ทำงานเมื่อไม่ได้รับการยอมรับหรือเห็นคุณค่า ไปจนถึงความกลัวและไม่กล้าเลือกเมนูอาหารในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลากหลายแบรนด์ได้ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ด้วยความเข้าใจในความรู้สึกที่มีอย่างเอ่อล้นของ Gen Z เช่น แคมเปญ “Digital Detox” ของ Siggi’s แบรนด์โยเกิร์ตที่เสนอเงินรางวัลกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับผู้เข้าร่วม 10 คน ที่ยินดีงดใช้สมาร์ตโฟนเป็นเวลา 1 เดือน หรือ วิดีโอเกม “Zengence” โดยบริษัท Deepwell DTx ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ด้วยการใช้กลไกของเกม
Editorial credit: Naruebordee / Shutterstock.com
Asian Soft Power | ซอฟต์พาวเวอร์แห่งเอเชีย
ความรุ่งเรืองของซอฟต์พาวเวอร์แห่งเอเชียสะท้อนออกมาอย่างเป็นรูปธรรมจากความนิยมหรือคลั่งไคล้ในวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมเกาหลีใต้ (K-culture) ที่รวมทั้งดนตรี ภาพยนตร์ อาหาร แฟชั่น ฯลฯ ที่ปัจจุบันมีฐานแฟนคลับกว่า 225 ล้านคนทั่วโลก หรือวัฒนธรรมอนิเมะจากญี่ปุ่น อย่างเช่น “Jujutsu Kaisen” อนิเมะญี่ปุ่นชื่อดัง ที่ขึ้นอันดับหนึ่งรายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลกในปี 2023 หรือแม้แต่ละครโทรทัศน์ของประเทศไทยอย่าง “คินน์พอร์ช เดอะ ซีรีส์” (KinnPorsche The Series) ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากผู้ชมบนแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ยอดฮิตอย่าง iQiyi ในปี 2022 จนนักแสดงนำของเรื่องได้รับการแต่งตั้งจาก Dior ให้เป็น House Ambassador ประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ซอฟต์พาวเวอร์แห่งเอเชียทำให้เห็นว่าวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคมากที่สุด โดยมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทั้งความชื่นชอบ ทัศนคติ ค่านิยม รวมถึงการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ในยุคที่อิทธิพลทางวัฒนธรรมกำลังเฟื่องฟู จึงสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งได้