สรุปสาระสำคัญจากการบรรยายในหัวข้อ Climate Change Impacts in Tourism Industry

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว (TAT Academy) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เชิญคุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ผู้ผลิตสารคดี นักเขียน พิธีกร และผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียงของ UNHCR มาร่วมบรรยายภายใต้หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 6 ประจำปี 2568 (Tourism Management Program for Executives รุ่นที่ 6 : TME6) ในหัวข้อ Climate Change Impacts in Tourism Industry เพื่อนำเสนอผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดย TAT Review ได้สรุปสาระสำคัญของการเสวนามาไว้ในบทความนี้แล้ว

 

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกภาคส่วนในสังคมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางสภาพอากาศ ต่างเรียกร้องมาตรการในการรับมืออย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ยากจะคาดการณ์และส่งผลอย่างรุนแรงมากขึ้น รวมถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศอันเนื่องมาจากสภาพอากาศแบบสุดขั้ว ที่กำลังทำให้พื้นที่เพาะปลูกทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักและส่งผลอย่างสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว โดยเมื่อเรามองย้อนไปในประวัติศาสตร์ ค.ศ. 1950 เป็นปีที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์ด้านสภาพอากาศในปัจจุบัน สืบเนื่องมาจากการสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 และการเติบโตขึ้นของการค้าโลก ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก รวมถึงการบริโภค และการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เร่งการผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการบริโภคที่สูงขึ้นด้วย การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของภาคการผลิตในขณะนั้น ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่ออุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากมนุษย์ไม่เริ่มหาทางที่จะชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ โลกของเราจะร้อนมากขึ้นจนถึง 3 – 4 องศาเซลเซียส ภายในปี ค.ศ. 2100  

 

ในมุมมองทางธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความเสี่ยงที่เข้าไปเสริมปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจที่มีอยู่ก่อนแล้ว (Risk Amplifier) ในหลายมิติ ตัวอย่างเช่น ไฟป่าที่เกิดจากการเผาโดยมนุษย์จะทวีความรุนแรงมากขึ้นจากสภาพภูมิอากาศที่ทั้งร้อนและแล้ง รวมถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศในฤดูมรสุมที่ผันผวนรุนแรงมากขึ้น จนยากที่จะคาดการณ์และวางแผนรับมืออย่างเหมาะสม นอกเหนือจากภัยธรรมชาติที่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับคนทั่วไปเหล่านี้แล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมในลักษณะอื่น ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักและถูกพูดถึงมากนัก แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกชีวิตทุกภาคส่วนในสังคม เช่น ความแปรปรวนของสายพานลำเลียงน้ำขนาดยักษ์ (Global Conveyor Belt) หรือกระแสน้ำที่ไหลวนไปในทุก ๆ มหาสมุทรสำคัญของโลก และทำหน้าที่คอยนำน้ำอุ่นจากบริเวณเส้นศูนย์สูตรไปแลกเปลี่ยนกับน้ำเย็นจากแถบขั้วโลก การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการละลายอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งบริเวณเกาะกรีนแลนด์ ทำให้ความเค็มของน้ำบริเวณนั้นเจือจางลงและส่งผลต่อการไหลเวียนของน้ำทั้งระบบ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด กระแสน้ำสำคัญเส้นนี้อาจหยุดชะงักอย่างถาวรในต้นศตวรรษหน้า ซึ่งผลสะเทือนที่เกิดขึ้นอาจเป็นได้ทั้งภัยหนาวทางตอนเหนือของโลก หรือพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงมากขึ้นในหลายพื้นที่ 

 

สืบเนื่องจากสภาพการณ์ข้างต้น หลายประเทศทั่วโลกจึงจำเป็นที่จะต้องแสวงหาวิธีการรับมือกับวิกฤตการณ์ทางสภาพอากาศอย่างเร่งด่วนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว มาตรการในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ 

 

  1. การลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Mitigation) หมายถึง แผนการและแนวทางที่จะนำไปสู่การลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการรักษาระดับก๊าซเรือนกระจกและการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ตัวอย่างเช่น มาตรการลดการใช้ไฟฟ้าภายในองค์กร มาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และมาตรการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งพลังงานทางเลือก

 

  1. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Adaptation) หมายถึง แผนการและแนวทางที่จะนำไปสู่การปรับตัวและตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางภูมิอากาศ ซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าวเป็นการช่วยลดอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หรืออาจเป็นการใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นจากสิ่งเร้าทางภูมิอากาศหรือผลกระทบของสิ่งเร้านั้น อย่างไรก็ดี การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีรูปแบบที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งการปรับตัวโดยใช้เทคโนโลยี การปรับรูปแบบการบริหารจัดการระดับองค์กร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดทำฐานข้อมูลและการแจ้งเตือนภัย และการปรับเปลี่ยนเชิงนโยบาย เป็นต้น ทั้งนี้ อาจขึ้นอยู่กับความจำเป็นและลักษณะเฉพาะของพื้นที่หรือภาคส่วนที่แตกต่างกันไป เช่น การปรับตัวของภาคการท่องเที่ยวที่พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถสร้างภาพความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality : VR) เพื่อส่งเสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ อีกทั้งยังเป็นทางเลือกในการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่สภาพแวดล้อมจริงถูกรบกวนด้วยความผันผวนไม่แน่นอนของสภาพอากาศ

 

สำหรับประเทศไทย การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นแนวทางที่สำคัญกว่ามาก แต่กลับไม่ถูกพูดถึง และไม่มีมาตรการรองรับอย่างจริงจังมากเท่ากับมาตรการที่มุ่งลดความรุนแรงของปัญหา อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือที่รู้จักกันในนาม พรบ. โลกร้อน มีความคืบหน้าที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยมีความพยายามอย่างจริงจังในระดับกฎหมายและการดำเนินนโยบายที่เน้นย้ำในเรื่องของการปรับตัวต่อวิกฤตการณ์ ไปพร้อม ๆ กับการออกมาตรฐานทางการเงิน เช่น การจัดตั้งกองทุนภูมิอากาศ การจัดเก็บภาษีคาร์บอน และคาร์บอนเครดิต เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีพระราชบัญญัติอากาศสะอาด ที่เชื่อมโยงอยู่กับมาตรการรับมือกับวิกฤตการณ์ทางสภาพอากาศโดยตรง ซึ่งเกิดจากการผลักดันร่วมกันหลายภาคส่วน ทั้งฝ่ายรัฐบาล รัฐสภา ตลอดจนการทำงานอย่างแข็งขันของภาคประชาสังคม ประเด็นถกเถียงสำคัญของกฎหมายฉบับนี้อยู่ที่ปัญหามลพิษทางอากาศหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น มลพิษทางการเกษตร มลพิษข้ามแดน มลพิษจากรถยนต์ มลพิษอุตสาหกรรม และมลพิษจากไฟป่า เหล่านี้เป็นปัญหาที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน และไม่มีการบูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหา กฎหมายฉบับนี้จึงให้ความสําคัญกับการคลี่คลายปมปัญหาดังกล่าว และมุ่งเน้นการผลักดันกองทุนอากาศสะอาด รวมถึงการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนของผู้บังคับใช้กฎหมายเพื่ออากาศสะอาด เป็นต้น

 

เครดิตสำหรับบทความข่าว: SUPAWADEE3625 / Shutterstock.com

 

นอกจากการผลักดันเชิงนโยบายและกฎหมายเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ทางสภาพอากาศแล้ว จากความสนใจและประสบการณ์ในการทำงานของคุณวรรณสิงห์ ยังทำให้พบปัญหาในด้านการจัดการขยะ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ที่จำเป็นจะต้องได้รับการจัดการด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาดจากภาครัฐ โดยในปัจจุบัน พระราชบัญญัติการบริหารจัดการขยะและการหมุนเวียนทรัพยากร เป็นกฎหมายสิ่งแวดล้อมอีกหนึ่งฉบับที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาโดยรัฐสภา และมีประเด็นพิจารณาสำคัญอยู่ที่กระบวนการจัดการขยะจากต้นทางจนถึงปลายทาง ตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการสร้างขยะจากต้นทาง การสั่งห้ามใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง การจัดการปัญหาการนําเข้าขยะ ไปจนถึงการให้ความสำคัญกับหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle : PPP) ในขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะ เช่น องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้จัดการขยะรายย่อย รวมไปถึงโครงสร้างการกระจายอำนาจในการจัดการขยะ และการขนส่งขยะ ก็อยู่ในประเด็นพิจารณาของกฎหมายฉบับนี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น การจัดการขยะ ณ ตำแหน่งปลายทางผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ก็จะถูกใช้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ในอนาคต 

 

สำหรับผลกระทบและความจำเป็นในการปรับตัวของภาคธุรกิจไทยต่อการตรวจรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีเป้าหมายเพื่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก เป็นมาตรการที่ครอบคลุมธุรกิจหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) นั้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการในภาคการส่งออกที่มีจุดหมายปลายทาง ณ ประเทศในสหภาพยุโรป จะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจวัด การจัดทำรายงานข้อมูลปริมาณการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต และการวางแผนงานเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตที่ชัดเจน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพและความพร้อมของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต และการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

 

ในขณะที่ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้สอดรับกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism) และการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Tourism) ซึ่งมุ่งเน้นกิจกรรมและบริการทางการท่องเที่ยว ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนและรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ครอบคลุมการเดินทางท่องเที่ยวด้วยยานพาหนะที่ใช้พลังงานสะอาด การออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยวที่ลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ซึ่งมีมิติของการชดเชยการปล่อยคาร์บอน ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตกลับคืนสู่ชุมชนท่องเที่ยว เพิ่มเติมจากการปรับลดกิจกรรมที่ปล่อยคาร์บอนตลอดการท่องเที่ยว

Share This Story !

1.5 min read,Views: 374,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    ตุลาคม 10, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    ตุลาคม 10, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    ตุลาคม 10, 2025