
สถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศ (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568)
จัดทำโดย งานวิเคราะห์ตลาดในประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด วันที่ 25 กันยายน 2568
ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศ เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568

สถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดในประเทศภาพรวมเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568 มีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 48.14 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 277,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนการกระจายตัวการเดินทางใน 55 เมืองน่าเที่ยว มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 0.3
ปัจจัยสนับสนุน
- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาทิ โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” (เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2568) สามารถกระตุ้นการเดินทางเข้าสู่พื้นที่และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นทั้งเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว
- มีวันหยุดยาวหลายช่วง อาทิ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ รัชกาลที่ 10 วันแม่แห่งชาติ
- กิจกรรมส่งเสริมการตลาดของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร อาทิ งาน Vijit 5 ภาค งาน Amazing Thailand Pattaya Marathon การจัดงานเทศกาลประเพณีที่เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น
- เส้นทางท่องเที่ยวด้วยขบวนรถไฟ Royal Blossom และ KIHA 183 เส้นทางกรุงเทพฯ ไปยังสวนนงนุช (ชลบุรี) ระยอง ปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ราชบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และเพชรบุรี
ปัจจัยอุปสรรค
- ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ หนี้ครัวเรือนและอัตราเงินเฟ้อสูง
- ปัญหาความขัดแย้งบริเวณ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา (อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด) ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย นักท่องเที่ยวบางส่วนเกิดความกังวลและหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าพื้นที่
- ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวรายภูมิภาคเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568 คาดว่า เกือบทุกภูมิภาคมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเป็นการเติบโตด้านจำนวนเป็นหลัก โดยมีรายละเอียดดังนี้
กรุงเทพมหานคร
คาดว่า จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและรายได้มีอัตราการเติบโตที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 7.83 ล้านคน-ครั้ง ติดลบร้อยละ 0.3 และรายได้ 72,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ทั้งนี้เกิดจาก
ปัจจัยอุปสรรค
- สภาพเศรษฐกิจในประเทศ ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง จำเป็นต้องระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งกรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูง ทั้งอาหาร ที่พักและค่าเดินทาง ทำให้คนไทยบางส่วนเลือกที่จะเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปยังจังหวัดอื่นที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าแทน
- แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็น Man Made ซึ่งปัจจุบันพฤติกรรมนักท่องเที่ยวต้องการเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชุมชน และสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ทำให้คนไทยหันไปสนใจท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดอื่นที่ตอบโจทย์มากกว่า (ข้อมูลจากผลสำรวจพฤติกรรมท่องเที่ยวของคนไทยจาก bltbangkok.com)

ภาคกลาง (รวมภาคตะวันตก)
คาดว่า จะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 14.79 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 48,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา สำหรับเมืองน่าเที่ยว คาดว่า ราชบุรี มีอัตราการเติบโตสูงกว่าจังหวัดอื่น โดยมีการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5
ปัจจัยสนับสนุน
- โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” (เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2568) ช่วยกระตุ้นการเดินทางเพิ่มขึ้นทั้งเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัวและคู่รักที่เน้นเดินทางระยะใกล้ และนิยมเลือกที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและภูเขา ซึ่งจากจำนวนการใช้สิทธิ์จองห้องพักช่วงเดือนกรกฎาคม–กันยายน 2568 จำนวน 95,122 สิทธิ์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19 ของจำนวนสิทธิ์ทั้งหมด (ที่มา : Dashboard ผู้ใช้สิทธิ์เที่ยวไทยคนละครึ่ง จาก ฝสท. ณ วันที่ 15 กันยายน 2568) และพบว่า จังหวัดในภูมิภาคภาคกลางติดอันดับ 1 ใน 3 จังหวัดปลายทางที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่
– กลุ่มเมืองหลัก : อันดับที่ 2 ประจวบคีรีขันธ์ (153 ล้านบาท) และอันดับที่ 3 เพชรบุรี (118 ล้านบาท)
– กลุ่มเมืองน่าเที่ยว : อันดับที่ 3 ราชบุรี (46 ล้านบาท)
- วันหยุดยาวหลายช่วง ได้แก่ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ รัชกาลที่ 10 วันแม่แห่งชาติ โดยจากผลสำรวจแผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยไตรมาส 3/2568 พบว่า ร้อยละ 80 ของผู้ที่มีแผนท่องเที่ยวจะเดินทางในเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะช่วงวันแม่แห่งชาติ (ร้อยละ 78) (ที่มา : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาส 2 ปี 2568 ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) สอดคล้องกับข้อมูลการใช้สิทธิ์โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม 2568 (5 วัน) พบว่า มีการจองห้องพักรวม 20,095 สิทธิ์ โดยเฉพาะวันที่ 9 สิงหาคม มียอดการใช้สิทธิ์สูงที่สุดของการดำเนินโครงการฯ (ที่มา : Dashboard ผู้ใช้สิทธิ์เที่ยวไทยคนละครึ่ง จาก ฝสท. ณ วันที่ 18 กันยายน 2568)
- กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร
– เทศกาลงานประเพณี อาทิ งานตักบาตรดอกเข้าพรรษา (จ.สระบุรี) งานแห่เทียนพรรษาทางน้ำลาดชะโด (จ.พระนครศรีอยุธยา) และงานประเพณีเข้าพรรษาที่จัดในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค ทำให้ช่วงจัดงานของภูมิภาคภาคกลาง (รวมตะวันตก) มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 หรือคิดเป็นจำนวน 1,498,093 คน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ที่มา : รายงานสรุปการเดินทาง (หลังวันหยุด) วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จากระบบ TATIC)
– งานส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงกีฬา อาทิ งานพระพุทธบาทฮีโร่รัน : PBHEROES RUN 2025 (จ.สระบุรี) มีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 1,800 คน งาน Ayutthaya Night Run 2025 (จ.พระนครศรีอยุธยา) และงาน Run Khan Do วิ่งกันดุ๊ (จ.ประจวบคีรีขันธ์) ที่มีนักวิ่งเข้าร่วม 2,200 คน (ที่มา : รายงานวิเคราะห์สถานการณ์ท่องเที่ยวในพื้นที่ (รายงานประจำเดือน) จากระบบ TATIC)
- กิจกรรมท่องเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ด้วยขบวนรถไฟ Royal Blossom โปรแกรม “สิงหา…ชวนแม่เที่ยวเมืองอาร์ต เพนท์โอ่ง ดิโอลด์ทาวน์” (จ.ราชบุรี) และโปรแกรม “Blossom Journey : Train to the Past รถไฟสายประวัติศาสตร์เมืองสองแคว (จ.กาญจนบุรี) รวมทั้งขบวนรถไฟ KIHA 183 ไปยังราชบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และเพชรบุรี
- การเปิดให้ใช้ฟรีช่วงวันหยุดยาวของถนนมอเตอร์เวย์ M81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาววันแม่แห่งชาติ และการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 (29 สิงหาคม – 10 กันยายน 2568) ส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดตามแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์คึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะ จ.นครปฐม ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OR) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ที่มา : รายงานสรุปอัตราการเข้าพักเฉลี่ยรายจังหวัด เดือนสิงหาคม 2568 ณ วันที่ 2 กันยายน 2568)
ปัจจัยอุปสรรค
เป็นช่วงฤดูมรสุมที่หลายพื้นที่ในภาคกลางมีโอกาสเกิดอุทกภัย ทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนมีความกังวลและชะลอการเดินทาง
ภาคตะวันออก
มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่า มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 7.25 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 และมีรายได้ 46,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา สำหรับเมืองน่าเที่ยว คาดว่า จ.นครนายก มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเพิ่มขึ้นสูงอยู่ที่ร้อยละ 6 และจันทบุรี เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 3 ขณะที่ ตราด สระแก้ว และปราจีนบุรี มีอัตราการเติบโตลดลง จากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
ปัจจัยสนับสนุน
- โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” โดยมีการใช้สิทธิ์จองที่พักในพื้นที่ภาคตะวันออก ช่วงเดือนกรกฎาคม- กันยายน 2568 จำนวน 112,417 สิทธิ์ คิดเป็นร้อยละ 29.1 ของยอดใช้สิทธิ์ทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว และ 5 จังหวัดยอดนิยมที่มีการจองที่พักสูงสุดในภูมิภาคได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และนครนายก (ข้อมูลโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ณ วันที่ 15 กันยายน 2568)
- การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ อาทิ เทศกาลอาหารและ Balloon จ.ระยอง งาน Kite & Music On the suan son beach ริมหาดสวนสน จ.ระยอง กิจกรรม Blackmoon Music Camp 2025 จ.ฉะเชิงเทรา BANGSAEN GRAND PRIX 2025 จ.ชลบุรี Nakhonnayok Outdoor Festival 2025 จ.นครนายก AMAZING THAILAND PATTAYA MARATHON 2025 จ.ชลบุรี PRACHINBURI NIGHT at The Museum จ.ปราจีนบุรี จังเกิ้ลเทรล เขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี KOH CHANG TRAIL 2025 จ.ตราด จันท์อวดดี ณ ชุมชนริมน้ำจันทบูร จ.จันทบุรี
- ฤดูการท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยว อาทิ ฤดูกาลชมสวนป่าดอกกระเจียว จ.ฉะเชิงเทรา กิจกรรมชมหิ่งห้อยสวนป่าค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี เทศกาลล่องแก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี
- กิจกรรมท่องเที่ยวด้วยรถไฟท่องเที่ยว SRT Royal Blossom และ KIHA 183 ทั้งแบบ One Day Trip และแบบพักค้างคืน ตลอดเดือนสิงหาคม-กันยายน 2568 เส้นทางกรุงเทพ ไปยังสวนนงนุช (ชลบุรี) ระยอง ปราจีนบุรี นครนายก และฉะเชิงเทรา และขบวนรถพิเศษนำเที่ยวด้วยรถจักรไอน้ำ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 ในเส้นทาง กรุงเทพ–ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ
ปัจจัยอุปสรรค
ปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้มีการปิดด่านชายแดน โดยเฉพาะ จ.สระแก้ว ทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนเกิดความกังวล ยกเลิกการจองห้องพักและหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าพื้นที่
ภาคใต้
ทั้งจำนวนการเดินทางและรายได้ลดลง โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนอยู่ที่ 5.57 ล้านคน-ครั้ง ติดลบร้อยละ 2 ขณะที่รายได้ 49,716 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สำหรับเมืองน่าเที่ยวคาดว่า มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเกือบทุกจังหวัด (ยกเว้นยะลา และปัตตานี) อยู่ที่ร้อยละ 2-6
ปัจจัยสนับสนุน
โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568 โดยมีการใช้สิทธิ์จองที่พักในพื้นที่ภาคใต้ 63,150 สิทธิ์ หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของจำนวนการใช้สิทธิ์ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัวและคู่รักที่อยู่ในภาคใต้และกรุงเทพมหานคร สำหรับจังหวัดยอดนิยมที่มีการจองที่พักสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต กระบี่ และสงขลา (Dashboard เที่ยวไทยคนละครึ่ง ของ ฝสท. ณ วันที่ 15 กันยายน 2568)
- การส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา ทำให้เกิดการกระจายการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพไปยังเมืองหลักและเมืองรองในภาคใต้ไม่น้อยกว่า 4,100 คน ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 822,150 บาท (ระบบข้อมูลแผนปฏิบัติการและการติดตามประเมินผล ณ วันที่ 22 กันยายน 2568)
- กิจกรรมส่งเสริมการตลาดของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร ที่ตอบโจทย์ความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน อาทิ การจัดงานตามความเชื่อและศรัทธา งานคเณศจตุรถี จ.ภูเก็ต โดยมีดาราศิลปิน กลุ่มมูเตลู และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ร่วมขบวนแห่องค์พระพิฆเนศกว่า 10,000 คน (อ้างอิงจากศูนย์ข่าวภูเก็ต, mgronline.com ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2568) งาน Vijit@Hatyai เสน่ห์ไทย ICE DOME จ.สงขลา การแข่งขันวิ่ง “SCENIC HALF MARATHON KRABI 2025 : RUN TO THE HORIZON RUN ROMANTIC” จ.กระบี่ มีนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 4,000 คน (อ้างอิงจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่, thainews.prd.go.th ณ วันที่ 7 กันยายน 2568) งานประเพณีสารทเดือนสิบ จ.นครศรีธรรมราช งาน Hello Phatthalung Rimlake 2025 : ชิม ชิล จ.พัทลุง
ปัจจัยอุปสรรค
- ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวส่งผลต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำให้คนไทยเลือกจุดหมายที่ใกล้กว่าหรือมีความคุ้มค่าของบริการท่องเที่ยว มากกว่าการเดินทางมาท่องเที่ยวในภาคใต้ที่มีการใช้จ่ายสูง
- เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวลดลง และหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาในพื้นที่เสี่ยง ทำให้ จ.ยะลา และนราธิวาส มีอัตราการเติบโตติดลบทั้งจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้อยู่ที่ร้อยละ 1-6

ภาคเหนือ
คาดว่า มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้งจำนวนและรายได้อยู่ที่ร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 5.07 ล้านคน-ครั้ง และรายได้ 34,501 ล้านบาท สำหรับเมืองน่าเที่ยว โดยเฉพาะ จ.น่าน เชียงราย แม่ฮ่องสอน และแพร่ มีอัตราการเติบโตติดลบทั้งจำนวนและรายได้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2568 แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือนกันยายน สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายลง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ
ปัจจัยสนับสนุน
- โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568 โดยมีการใช้สิทธิ์จองที่พักในพื้นที่ภาคเหนือ 57,680 สิทธิ์ หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ของจำนวนการใช้สิทธิ์ทั้งหมด สำหรับจังหวัดยอดนิยมที่มีการจองที่พักสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ น่าน และพิษณุโลก (Dashboard เที่ยวไทยคนละครึ่ง ของ ฝสท. ณ วันที่ 15 กันยายน 2568)
- เข้าสู่ฤดูเที่ยวป่าหน้าฝนของจังหวัดในภาคเหนือตอนบน อาทิ แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน แพร่ ทำให้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเป็นจุดหมายปลางทางที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ
- หน่วยงานภาครัฐและเอกชนดำเนินกิจกรรมส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง อาทิ MAE SOT 21 INTERNATIONAL HALF MARATHON 2025 จ.ตาก UTHAI TRAIL 2025 จ.อุทัยธานี ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ จ.เพชรบูรณ์ งาน Vijit@Lampang เสน่ห์เหนือกาลเวลา จ.ลำปาง เทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน ณ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จ.ลำพูน
ปัจจัยอุปสรรค
- ปัญหาอุทกภัยในจังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน แพร่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คาดว่า มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 7.63 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ 25,406 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตติดลบร้อยละ 1 ทั้งจำนวนและรายได้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สำหรับเมืองน่าเที่ยว คาดว่า ทุกจังหวัดมีอัตราการเติบโตติดลบ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ
ปัจจัยสนับสนุน
- โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2568 มีการใช้สิทธิ์จองที่พักในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 36,803 สิทธิ์ หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนการใช้สิทธิ์ทั้งหมด สำหรับจังหวัดยอดนิยมที่มีการจองที่พักสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น และหนองคาย (Dashboard เที่ยวไทยคนละครึ่ง ของ ฝสท. ณ วันที่ 15 กันยายน 2568)
- กิจกรรมส่งเสริมการตลาดของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร อาทิ การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง BYD ซีวีลีก วันที่ 1-3 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การค้า Terminal 21 Korat จ.นครราชสีมา เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน จ.ชัยภูมิ งานสานสัมพันธ์วัฒนธรรมชนเผ่า 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ จ.นครพนม งานนิทรรศการศิลปะ 75 ปี ความงดงามความสัมพันธ์ลาว-ไทย ณ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี กิจกรรมตักบาตรบนหลังช้าง จ.สุรินทร์ งาน Nexzter Bric Superbike 2025 และงาน PT Maxnitron Racing Series 2025 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ งานหมอลำเฟสติวัล จ.ร้อยเอ็ด และอุดรธานี กิจกรรมจุ้ม บ้านเชียง art & craft ครั้งที่ 0.2 เรื่องราวแห่ง “ลาย สี เส้น ศิลป์” จ.อุดรธานี
- เทศกาลงานประเพณี อาทิ งานแห่เทียนเข้าพรรษา จ.อุบลราชธานี งานประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม
- กระแสความศรัทธาต่อเนื่องที่มีต่อหลวงปู่ศิลา จ.กาฬสินธุ์ และกระแสสายมูพญานาค จ.บึงกาฬ
- การทำโปรโมชันราคาสายการบินไทยไลออนแอร์ เส้นทางดอนเมือง-นครพนม ช่วงเดือนสิงหาคม 2568
ปัจจัยอุปสรรค
- ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดแรกยังคงมีเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างชายแดนอยู่เป็นระยะ ๆ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจ และหลีกเลี่ยงไปเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นแทน
- เข้าสู่ฤดูฝน และมีพายุมรสุมเกิดขึ้น ทำให้หลายพื้นที่ในภูมิภาคประสบปัญหาอุทกภัยช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน