สถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศ (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2566) และคาดการณ์สถานการณ์ (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2566)

 

 

 

โดย งานวิเคราะห์ตลาดในประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด 

วันที่ 24 มิถุนายน 2566

 

ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2566

 

สถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดในประเทศเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 มีการฟื้นตัวอยู่ในทิศทางที่ดี จากปี 2562 โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 43.29 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 171,200 ล้านบาท หรือฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 85 และร้อยละ 68 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2562 โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการมีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายช่วง ที่คนไทยนิยมใช้ช่วงเวลานี้เลือกออกเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 มีวันหยุดยาวต่อเนื่องถึง 3 ช่วง โดยวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ พบว่ามีจำนวนการเดินทางและรายได้ท่องเที่ยวเติบโตเพิ่มสูงกว่าช่วงวันหยุดยาววันแรงงานและวันฉัตรมงคล และวันหยุดยาววันวิสาขบูชาและวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากความอัดอั้นของคนไทยที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์มาเป็นเวลา 3 ปี ผนวกกับปีนี้ ททท. จัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 (สิ้นสุดโครงการในเดือนเมษายน) เพื่อให้โรงแรมที่พักมีราคาที่นักท่องเที่ยวไทยจับต้องได้ตามกำลังการใช้จ่าย ทำให้คนไทยออกเดินทางและร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสงกรานต์กันอย่างหนาแน่น ส่งผลให้จำนวนและรายได้ท่องเที่ยวในประเทศช่วงเดือนเมษายนกลับมาฟื้นตัวเท่ากับภาวะปกติจากปี 2562 หรือคิดเป็นร้อยละ 100 (ที่มา: ข้อมูลสรุปผลการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ของ ททท. สนง. ในประเทศ) และเมื่อพิจารณาภาพรวมของสถานการณ์ท่องเที่ยวทั้ง 3 เดือน พบว่ามีการฟื้นตัวที่ดี ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการมีวันหยุดยาวหลายช่วง ผนวกกับปัจจัยสนับสนุนที่เข้ามาช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ดังนี้

(1) กิจกรรมส่งเสริมการตลาดจาก ททท. อาทิ แคมเปญ “Unseen New Chapters : ปักหมุดมุมใหม่ เปิดไทยมุมต่าง”, เส้นทางคนโสด Single Journey Season, กิจกรรมภายใต้โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน เช่น นอนสบาย กินสบาย เที่ยวสบายภาคตะวันออก, กิจกรรมวิจิตร 5 ภาคในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครศรีธรรมราช เชียงราย ระยอง และนครพนม, มหกรรมเที่ยวข้ามภาค ได้แก่ กรุงเทพฯ อุดรธานี เชียงใหม่ ระยอง สงขลา, กิจกรรมท่องเที่ยวตามกระแสนิยมของคนไทย อาทิ งาน “Broken Hurt Mountain Ep.2” (ระยอง) และ “คาราวานรถยนต์ท่องเที่ยว รักษ์โลก C2 Connects plus 2023” เส้นทางกรุงเทพฯ–สุพรรณบุรี–กาญจนบุรี–เพชรบุรี-สมุทรสงคราม, เส้นทางท่องเที่ยวสายมู ไหว้พญานาคพญายักษ์ รวมทั้งกิจกรรมจัดโพรโมชันร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่าง ๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรมที่พัก สายการบิน ร้านอาหาร ภายใต้โครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2023 ในพื้นที่ 6 จังหวัด (กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต อุดรธานี ชลบุรี (พัทยา) สงขลา (หาดใหญ่)) 

(2) การทำโพรโมชันของผู้ประกอบการโรงแรมที่พักในพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล อาทิ กระบี่ พังงา สมุย และโพรโมชันราคาของสายการบินในประเทศ อาทิ สายการบินไทยเวียตเจ็ทภายใต้แคมเปญ “5.5 เที่ยวหรรษา เฮฮายกแก๊ง” เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 

(3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่สิ้นสุดโครงการในเดือนเมษายน 2566 

 

ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ค่าครองชีพและราคาพลังงานที่สูง ยังคงเป็นปัจจัยอุปสรรคสำคัญต่อการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว แต่คนไทยจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับกำลังซื้อที่มี ทั้งในรูปแบบลดจำนวนวันเดินทางให้น้อยลง เลือกเที่ยวระยะใกล้ และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ส่วนสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ลากยาวมาจนถึงเดือนเมษายนได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหลายจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือตอนบน แต่หลังจากที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เบาบางลง สถานการณ์ท่องเที่ยวในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบก็กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง 

 

นอกจากนี้ ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศของคนไทยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าค่าครองชีพจะสูงรวมทั้งค่าบัตรโดยสารที่แพงขึ้น ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศเป็นกลุ่มรายได้สูงที่อาจไม่ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบน้อยจากภาวะเศรษฐกิจ กับกลุ่มรายได้ปานกลางที่มีความต้องการเที่ยวต่างประเทศ ก็พร้อมที่จะปรับรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับกำลังซื้อที่มีอยู่ โดยระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2566 มีจำนวนคนไทยเดินทางออกนอกประเทศอยู่ที่ 2,187,183 คน (ที่มา: ข้อมูลสถิติคนไทยเดินทางออกนอกประเทศรายเดือน จาก สนง. ตรวจคนเข้าเมือง) คิดเป็นร้อยละ 88 ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ซึ่งนับเป็นปัจจัยอุปสรรคต่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศโดยเฉพาะช่วงที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง 

 

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศ 3 เดือนนี้ยังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยแต่ละภูมิภาคมีสถานการณ์ท่องเที่ยวดังนี้

 

 

กรุงเทพมหานคร

 กลับมาสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่งได้อีกครั้งในช่วง 3 เดือนนี้ หลังจากผ่านพ้นวิกฤติ COVID-19 โดยคาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 7.30 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 44,907 ล้านบาท หรือฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 76 และร้อยละ 49 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2562 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ภาครัฐ ททท. และเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ปี 2566 กิจกรรมสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยทั้ง 5 ภูมิภาค พร้อมกับจำลองเทศกาลประเพณีวัฒนธรรมนานาชาติอย่างประเทศเกาหลีใต้ อินเดีย จีน และญี่ปุ่น ณ บริเวณจุฬาลงกรณ์ ซอย 5 (ถนนอุทยาน 100 ปี) เขตปทุมวัน, กิจกรรมวิจิตร 5 ภาค@กรุงเทพมหานคร ภายใต้คอนเซปต์ “มู Light Experiences วิจิตรการมู (เตลู)” ปักหมุด 3 แลนด์มาร์กกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ICONSIAM อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก และสวนวชิรเบญจทัศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัด เพิ่มอัตราพักค้างคืน นำไปสู่การสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่, การเปิดตลาดนัดกลางคืนอย่าง JODD FAIRS DanNeramit, เส้นทางท่องเที่ยวกรีนทริป ลดมลพิษ ล่องคลองผดุงฯ ทอดน่องท่องกรุง  ชิมของอร่อย, เส้นทางสายมู 9 สถานที่กรุงเทพฯ ขอพร ปังเรื่องความรัก เรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องสุขภาพ ซึ่งจากกิจกรรมส่งเสริมต่าง ๆ ส่งผลให้สถานการณ์ท่องเที่ยวกรุงเทพมหานครมีความคึกคักและเกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

 

 

ภาคกลาง (รวมภาคตะวันตก) 

นอกจากจะได้เปรียบเรื่องระยะทางในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายไม่สูงเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อน้อยแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากและกระจายอยู่หลายจังหวัดของภูมิภาค ซึ่งเป็นที่นับถือของคนไทยทั้งสายบุญและสายมู ทำให้ภูมิภาคนี้มีจำนวนการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 12.55 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 30,765 ล้านบาท หรือฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 90 และร้อยละ 85 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2562 ซึ่งการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่จะมาจากความได้เปรียบดังที่กล่าวมาเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งยังมาจากปัจจัยหนุนจากการจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะเส้นทางสายมู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ความรัก โชคลาภความร่ำรวย เสริมความเฮง รับความปัง ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ณ วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม และวัดพังม่วง จ.สุพรรณบุรี ตลอดจนเส้นทางสายบุญไหว้หลวงพ่อโตมหายาน วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร จ.สมุทรสาคร, งานอัศจรรย์สงกรานต์ สราญใจ เสน่ห์อโยธยา จ.พระนครศรีอยุธยา,  Songkran Cha Am–Hua Hin on the Beach Festival สงกรานต์วิถีไทยรื่นเริงใจบนชายหาดชะอำ–หัวหิน จ.เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์, การจัดงานเทศกาลดนตรี WATERBOMB Bangkok 2023 ณ Thunder Dome Stadium จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเกาหลี โดยมีศิลปิน K-Hip Hop, K-POP และ EDM เข้าร่วม จากปัจจัยหนุนและกิจกรรมต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคเพิ่มมากยิ่งขึ้น 

 

ภาคตะวันออก

เป็นภูมิภาคที่มีการฟื้นตัวกลับมาได้เร็วทั้งจำนวนและรายได้ เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกกลุ่มวัย มีกิจกรรมที่เหมาะกับการท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบ one day trip และแบบพักค้าง รวมทั้งใช้ระยะเวลาเดินทางไม่นาน ทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 5.32 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 28,434 ล้านบาท หรือฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 93 และร้อยละ 79 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2562 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของภาคตะวันออกด้วยเป็นช่วงฤดูผลไม้ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาด กระตุ้นให้คนไทยเดินทางเข้าพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง กอปรกับมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดของ ททท. อาทิ โครงการ 365 วัน สบ๊าย สบายตะวันออก เที่ยวไป กินไป สบายพุง ในพื้นที่ 9 จังหวัด, การเข้าสู่ฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกกับเส้นทางท่องเที่ยวสวนผลไม้ที่ จ.ระยอง จันทบุรี นครนายก, กิจกรรมเมืองโบราณ ไลท์ เฟส 2566 ภายใต้แนวคิด “ราตรีวิจิตร ผีเสื้อกับดอกไม้…คู่แท้นิรันดร” ณ เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ, กิจกรรมวิจิตร 5 ภาค@ระยอง, ท่องเที่ยวขบวนรถไฟ KIHA ชวนคนไทยสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวด้วยรถไฟไทยสไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิด “ย้อนรอยประวัติศาสตร์” จากกรุงเทพฯ สู่ สระบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา และราชบุรี จากกิจกรรมที่กล่าวมาส่งผลให้ทุกจังหวัดในภูมิภาคภาคตะวันออกมีการเติบโตสูง 

 


ภาคใต้

แม้ว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แต่เป็นการฟื้นตัวด้านจำนวนการเดินทางมากกว่ารายได้ท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคมากกว่าข้ามภาค โดยคาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 5.33 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 23,620 ล้านบาท หรือฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 89 และร้อยละ 53 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากการกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวโดยมีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางเข้าร่วมกิจกรรม ผนวกกับมีปัจจัยเสริมจากการดำเนินงานเกี่ยวกับการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวและการประชาสัมพันธ์ภายในพื้นที่ อาทิ การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวดำน้ำ Dive Thailand Expo 2023, งานวิจิตร 5 ภาค@นครศรีธรรมราช “ศิลป์ศรัทธา มาหานครฯ”, โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา “KRABI WONDER WEEKDAY” ผ่านการร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว Luxury Long tail Boat เพื่อกระตุ้นกลุ่มผู้สูงวัยให้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ในวันธรรมดา, งานวิวาห์หวานบาบ๋าภูเก็ต ครั้งที่ 10 The 10th Phuket Baba Wedding, งาน Krabi Music Coffee & Craft #2, งานแข่งขันวิ่ง Ngorn Nak Trail 2566 จ.กระบี่ ขณะเดียวกัน นั่งรถไฟเที่ยวเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้และเส้นทางหาดใหญ่ ตามรอย Blogger ท่องเที่ยวยังคงอยู่ในกระแสความนิยมของนักท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะกลุ่ม GenY และกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งจากปัจจัยต่าง ๆ ส่งผลให้ภาพรวมท่องเที่ยวมีการเติบโตเพิ่มขึ้น

 

ภาคเหนือ

 สถานการณ์การท่องเที่ยวเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยคาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 5.27 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 29,985 ล้านบาท หรือฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 90 และร้อยละ 84 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2562 เนื่องจากมีช่วงหยุดยาวติดต่อกันและเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งพบว่าภาพรวมบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ค่อนข้างคึกคัก ทุกพื้นที่ในภาคเหนือสามารถกลับมาจัดกิจกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบในรอบ 3 ปี แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดการชะลอตัวการเดินทางท่องเที่ยว ในเรื่องสถานการณ์หมอกควัน ฝุ่นPM 2.5 ช่วงเดือนเมษายนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน สุโขทัย และกำแพงเพชร ทำให้นักท่องเที่ยวไทยบางส่วนเลื่อนการเข้าพักและยกเลิกการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังจะเห็นได้จากอัตราการเข้าพักแรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์อยู่ที่ร้อยละ 59 (ที่มา: ข้อมูลสรุปผลการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ของ ททท. สนง. ในประเทศ) แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลอด 3 เดือน (เดือนเมษายน-มิถุนายน) แล้ว ยังจัดว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยสนับสนุนจากกิจกรรมส่งเสริมตลาดของ ททท. อาทิ กิจกรรมชวนแอ่วเมืองรถม้าพาเรียนรู้ จ.ลำปาง, กิจกรรม Light of Life แสงแห่งชีวิต จ.เชียงราย, กิจกรรม Night Tram Tour นั่งรถรางชมเมืองพิษณุโลกยามค่ำคืน จ.พิษณุโลก, กิจกรรมวิจิตร 5 ภาค@เชียงราย “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” จ.เชียงราย, TAK Marathon Series TAK 21 K จ.ตาก, งาน Northern Auto Show 2023 จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ การมีเส้นทางบายพาสใหม่ เส้น อ.เมืองเชียงราย-อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และเส้น อ.เมืองเชียงราย-อ.ขุนตาล จ.เชียงราย ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

 

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สถานการณ์การท่องเที่ยวเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 7.51 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 13,489 ล้านบาท หรือฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 92 และร้อยละ 61 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปี 2562 เนื่องจากมีวันหยุดยาวเป็นปัจจัยเกื้อหนุนโดยสะท้อนจากช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายน พบว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความคึกคักทุกพื้นที่ จากอัตราการเข้าพักแรมทุกพื้นที่ช่วงสงกรานต์อยู่ที่ร้อยละ 53-68 (ที่มา : ข้อมูลสรุปผลการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ของ ททท. สนง. ในประเทศ) นอกจากสถานการณ์ท่องเที่ยวในเดือนเมษายนจะมีการเติบโตแล้ว สถานการณ์ท่องเที่ยวอีก 2 เดือน (พฤษภาคม-มิถุนายน) ก็มีการขยับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของ ททท. อาทิ งานวิจิตร 5 ภาค@นครพนม นครแห่งความสุขริมฝั่งโขง จ.นครพนม, เทศกาลงานวันช้างไทย จ.สุรินทร์, เทศกาลภูเขาไฟบุรีรัมย์ ครั้งที่ 4 จ.บุรีรัมย์, ประเพณีบุญบั้งไฟเดือนหก ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ยโสธร อุดรธานี และหนองคาย รวมทั้งกระแสการเดินทางท่องเที่ยวไหว้พญานาคพญายักษ์ ท้าวเวสสุวรรณ และองค์พญาปุริสารท ของกลุ่มสายมูทั้งจากภายในภูมิภาคและข้ามภาค ทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยวตลอดทั้งสามเดือนมีการขยับตัวเพิ่มขึ้น

 

Share This Story !

2.9 min read,Views: 2847,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    กุมภาพันธ์ 15, 2025