สรุปสาระสำคัญของงาน World Travel Market (WTM) London 2022 ในส่วนของ Digital Technology

 

นิพิฐพนธ์ ทรงลักษณ์ และปัญญพนต์ พัฒนาสุวรรณ

 

สืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินธุรกิจ และการดำเนินกิจกรรมของผู้ประกอบการ และผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกต่างหยุดชะงัก ซึ่งรวมถึงงาน WTM (World Travel Market) London ด้วย สำหรับปีนี้งาน WTM ได้กลับมาจัดในรูปแบบ On Site อีกครั้ง หลังจากมีการเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานไปเป็น Virtual Mart ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สำหรับในปีนี้งาน WTM จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2565 ณ ExCeL London โดยได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจาก NTO, OTA, Tech Travel และผู้ประกอบการทั้ง Buyer Seller ดังจะเห็นได้จากบรรยากาศภายในงานซึ่งมีผู้ประกอบการและผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ภาพจาก: World Travel Market London

 

โดยภายในงานครั้งนี้ มีจำนวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าร่วมงานกว่า 65 ราย (จากจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ราย) ซึ่งได้มีการนำเสนอเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการในหลากหลายประเภท อาทิ 

– Travel Agencies & OTA’s

– Reservation Systems

– Data Platform Solutions

– E-Commerce

– CRM

– Digital Marketing 

 

และในส่วนของการประชุมสัมมนา ก็ได้มีการจัดเตรียมหัวข้อของการประชุมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการท่องเที่ยวเพื่อให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน จำนวนไม่น้อยกว่า 20 หัวข้อ (จากจำนวนรวมทั้งสิ้น 111 หัวข้อ) ครอบคลุมประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

– Technology Trends and Innovations of Travel Tech

– Insight Data with Big Data & AI

– Blockchain Technology 

– User Interface & User Experience

– Digital Transformation

– Metaverse & VR 

 

ภาพจาก: World Travel Market London

 

สาระสำคัญประการหนึ่งของการหารือระหว่างผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกภายในงาน WTM London 2022 คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่น่าสนใจเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีส่วนช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องภายในอุตสาหกรรมสามารถดำเนินกิจกรรมทางการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง แม้อาจจะมีข้อจำกัดจากสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงปัจจัยลบที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินการทางธุรกิจ โดยเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือสมัยใหม่จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินกิจกรรมในอนาคตอันใกล้ สืบเนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยข้อมูลวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันโลกของเรามีจำนวนผู้ใช้งานสมาร์ตโฟน (Smartphone Users) มากกว่า 6.64 พันล้านคน คิดเป็น 86% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และภายในปี 2025 กว่า 72% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต (Internet Users) ทั่วโลก จะใช้งานสมาร์ตโฟนเป็นเครื่องมือเพียงอย่างเดียวเพื่อการท่องอินเทอร์เน็ตและค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

ทั้งนี้ หลังจากการเริ่มฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภายหลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ารูปแบบการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวจำนวนมากเริ่มสนใจการท่องเที่ยวในรูปแบบของ การท่องเที่ยวที่สามารถสร้างประสบการณ์ทางการท่องเที่ยว Meaningful Travel และ Emotional หากผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรายใดต้องการเป็นผู้นำในการดำเนินกิจกรรมทางการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ควรเร่งพัฒนารูปแบบการให้บริการของตนเองให้สอดคล้องต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเร่งด่วน 

 

ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงควรเร่งดำเนินการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์เพื่อการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กร (Digital Transformation) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าองค์กรของตนจะสามารถพัฒนาและปรับตัวให้ทันต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากปัจจัยที่หลากหลาย อาทิ โรคระบาด สงคราม สภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยสิ่งที่ผู้วางแผนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กรควรให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การกำหนดเป้าหมายของการเปลี่ยนผ่านฯ โดยมุ่งเน้นถึงการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ จากนั้นจึงพิจารณาถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนากระบวนการหรือการให้บริการให้สอดรับต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

 

เทคโนโลยีที่เป็นไฮไลต์ที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และถูกนำมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกในช่วงวิกฤต อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา รวมทั้งสามารถสร้างประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปได้อย่างแพร่หลายนั้น คือ Virtual Tourism

 

 

Virtual Tourism

การท่องเที่ยวในโลกเสมือน หรือ Virtual Tourism คือรูปแบบการท่องเที่ยวที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจสัมผัสบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการได้ แม้ไม่ได้เดินทางไปยังสถานที่จริง ด้วยการปรับใช้และผสมผสานเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ในรูปแบบของแว่นตา ร่วมกับอุปกรณ์อื่น เช่น โทรศัพท์สมาร์ตโฟน ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายสำคัญของ Virtual Tourism ที่กล่าวถึงคือ การมุ่งสร้างประสบการณ์ในสถานที่ท่องเที่ยวเสมือนจริงให้แก่นักท่องเที่ยว

 

อันที่จริงแล้ว Virtual Tourism ได้ถูกค้นพบและพัฒนามาอย่างยาวนาน แต่มีการนำมาใช้งานจริงและแพร่หลายเป็นอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวไม่สามารถทำได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายไปแล้ว Virtual Tourism ก็ยังคงได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง โดยตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการพัฒนาและต่อยอดจากเทคโนโลยีของ Virtual Reality (VR) นั่นคือ Metaverse ซึ่งเป็นการผสมผสานการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย เช่น การนำเทคโนโลยี VR ผนวกเข้ากับ Augmented Reality (AR) และ Blockchain โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างโลกเสมือนสำหรับการติดต่อสื่อสาร สร้างปฏิสัมพันธ์และทำกิจกรรมร่วมกัน โดย Metaverse ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในหลากหลายรูปแบบ เช่น การนำเที่ยวพิพิธภัณฑ์ การประชุม และการจัดงานคอนเสิร์ต เป็นต้น Metaverse จึงอาจถือได้ว่าเป็น Virtual Tourism ในอีกรูปแบบหนึ่งด้วยเช่นกัน

 

ทั้งนี้ ยังมีตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ Virtual Tourism เพื่อสนับสนุนต่อกระบวนการทางการตลาดในภาคการท่องเที่ยวในอีกหลายรูปแบบ เช่น

 

• Create Experiences with Short Videos

การใช้วิดีโอสั้น ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวซึ่งมีความสนใจในเทรนด์นี้ด้วยเช่นกัน นับเป็นโอกาสที่ผู้เกี่ยวข้องจะสามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเสมือนให้แก่นักท่องเที่ยวผ่านวิดีโอสั้น โดยใช้ VR เป็นส่วนเสริมเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ แทนการใช้วิดีโอในรูปแบบเดิม ๆ เพื่อดึงดูดและสร้างความประทับใจ ส่งเสริมให้เกิดการใช้จินตนาการของนักท่องเที่ยว โดยผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Instagram หรือ TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในการเผยแพร่วิดีโอสั้น ๆ ที่มีความยาวไม่เกิน 10 -15 วินาที ทั้งนี้อาจเพิ่มเติมเสียง หรือข้อความที่เฉพาะเจาะจงเพื่อสร้าง Mood & Tone ตาม Theme ที่ต้องการได้ 

 

วิดีโอสั้นยังสามารถใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่น เช่น นำไปใช้งานร่วมกับการทำการตลาดผ่าน E-Mail หรือเว็บไซต์ โดยอาจใช้วิดีโอเพื่อทดแทนการใช้ข้อความหรือรูปภาพในแบบเดิม ๆ ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพในการเสนอขายสินค้าได้มากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากความต้องการที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์เสมือนเหล่านี้

 

• Showcase 360° Views of Accommodation

การใช้ประโยชน์จาก VR ในการนำเสนอบรรยากาศของที่พัก โดยนักท่องเที่ยวสามารถควบคุมการเคลื่อนที่ และเปลี่ยนแปลงมุมมองเพื่อดูห้องพักและสถานที่ที่ต้องการได้ด้วยตนเอง ทดแทนการใช้รูปภาพและวิดีโอที่เป็นการนำเสนอที่พักในรูปแบบเดิม ช่วยให้การเสนอขายสินค้ามีความน่าสนใจ ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้แก่นักท่องเที่ยวได้

 

 

• Share Experiences with Vlogs and Tours

ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์เสมือนอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งมีความน่าสนใจคือ การทำ Virtual Tour ไปยังสถานที่ท่องเที่ยว หรือที่พักแรมต่าง ๆ ในสไตล์ของ Vlog โดยมีผู้ดำเนินรายการเป็นผู้ให้ข้อมูลระหว่างการนำแสดง ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับไกด์นำเที่ยว โดยเรายังสามารถเพิ่มเติมเสียงที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน หรือภาพที่แสดงถึงความรู้สึก รสชาติ การสัมผัส เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้รับชมให้มากขึ้นได้

 

 

• Partner with an Attraction and Offer a Virtual Tour

การทำงานเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หรือแม้แต่การจัดกิจกรรม งานเทศกาลต่าง ๆ และจัดทำเป็น Virtual Tour ที่สามารถสร้างประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มรูปแบบให้แก่ผู้รับชม โดยผู้เกี่ยวข้องยังสามารถประยุกต์ใช้งาน Virtual Tour ในลักษณะนี้ เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในหลากหลายรูปแบบ นอกเหนือจากการเผยแพร่วิดีโอเพื่อให้เกิดการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์หลัก ๆ ในปัจจุบัน โดยอาจกำหนดให้ Virtual Tour เป็นของขวัญหรือสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นลูกค้าเท่านั้น  

 

นอกเหนือจาก Virtual Tourism แล้ว ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และหลายองค์กรเริ่มนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ

 

 

การใช้ Big Data & AI เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการเชิงลึกของนักท่องเที่ยวในตลาดต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้ร่วมกับช่องทางที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวตลอดทั้ง Customer Journey & Touchpoint ที่ครอบคลุมทุกช่วงของการเดินทางตั้งแต่ Dreaming Planning Booking Experiencing ไปจนถึง Sharing

 

 

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี NFT ซึ่งทำงานอยู่บนพื้นฐานของ Blockchain เพื่อส่งเสริมการทำกิจกรรมทางการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ในการขยายช่องทางการสื่อสาร การสร้างประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ (Collectible) การเข้าถึงลูกค้าที่เป็นเป้าหมายเฉพาะ การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ถือ (VIP/Privilege) หรือเพื่อรักษาการมีปฏิสัมพันธ์ของนักท่องเที่ยว (Loyalty Program) เป็นต้น

 

สุดท้ายแล้ว การเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวให้ประสบความสำเร็จนั้น อาจมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ มาสนับสนุน นอกเหนือจากองค์ประกอบทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพียงอย่างเดียว เช่น วิสัยทัศน์จากผู้บริหาร ที่สามารถกำหนดกลยุทธ์ และผลักดันเพื่อให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในองค์กร รวมถึงความพร้อมของบุคลากรโดยทั่วไปและบุคลากรเฉพาะด้านภายในองค์กร ที่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพื้นฐานที่สอดคล้องต่อแนวทางการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กร 

 

นอกเหนือจากมุมมองทางด้านการพัฒนาการให้บริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันแล้ว ยังมีเรื่องที่ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลก ในปัจจุบันผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายต่างเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนมุ่งส่งเสริมและบริหารจัดการการดำเนินกิจกรรมทางการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsibility) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) มุ่งเน้นถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และรักษาสภาพแวดล้อมให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต โดยประเทศซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia) ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์รายใหญ่ในการจัดงานในครั้งนี้ ได้ประกาศคำมั่นไว้ว่า ภายในปี 2050 การดำเนินกิจกรรมทางการท่องเที่ยวของประเทศ จะอยู่ภายใต้มาตรการ Zero Waste อย่างสมบูรณ์

 

ที่มา : 

• https://hub.wtm.com/blog/technology/
• https://www.bankmycell.com/blog/how-many-phones-are-in-the-world