เมืองดี…แต่ใครได้ ?

 

พัชรวรรณ วรพล

 

 

ในทุกสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ในทุกวันนี้ เราอาจจะไม่ทันสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ที่อาจจะมาจากนโยบายรัฐที่ต้องการพัฒนาบ้านเมืองให้ทันสมัย ต้องการสร้างความรุ่งเรืองให้แก่เศรษฐกิจ เราจะมาเห็นอีกทีก็ต่อเมื่อทุกอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

Gentrification คือกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาย่านเก่าให้มีคุณภาพชีวิตและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น หรือบางคนก็แปลว่าการแปลงพื้นที่เพื่อเปลี่ยนชนชั้น แต่ถ้าแปลตรงตัวก็จะได้ว่า การทำให้เป็นผู้ดี หรือการทำให้เมืองกลายเป็นย่านผู้ดี ซึ่งความหมายของคำนี้ก็ดูเป็นไปในทางที่ดี แต่ถ้ามองในแง่ของความเป็นจริงล่ะ บ้านเมืองที่มีภาพสวยหรูจะดีจริงแค่ไหน

ประเทศญี่ปุ่นที่เราเห็นถึงการรักษ์ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมอย่างเข้มข้นนั้น หากเมื่อเกิดการพัฒนาเมืองอย่างจริงจังเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและการลงทุนไม่ว่าจะจากคนต่างพื้นที่หรือชาวต่างชาติ ย่อมนำมาซึ่งเม็ดเงิน ความสะดวกสบายทันสมัยที่มากขึ้นของระบบคมนาคม และตึกรามบ้านช่องที่มีการออกแบบที่โดดเด่นแปลกตาเรียกร้องความสนใจ สร้างสตอรีแปลกใหม่ให้ผู้คนดั้นด้นมาค้นหา แต่สิ่งหนึ่งที่ถูกลืมไปคือคนพื้นที่ที่อยู่ดั้งเดิม ที่พวกเขาอาจเปิดบ้านเป็นร้านชำเล็ก ๆ ในซอยแคบ ๆ ใช้พื้นที่เล็กน้อยของบ้านขายราเมงให้คนมานั่งกินเรียงกันหน้าเคาน์เตอร์เพียง 4-5 ที่ ความเป็นอยู่และร้านค้าเหล่านี้เรามานึกถึงอีกทีก็ถูกกลืนหายลืมเลือนไปหมดแล้ว เช่นในเมืองเกียวโต ที่คนต่างถิ่นและนักท่องเที่ยวเยอะกว่าคนในพื้นที่

ในภูมิภาคคิวชูทางตอนใต้ของญี่ปุ่นนั้น เมืองฟุกุโอกะ ที่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้และเป็นหนึ่งในเมืองของญี่ปุ่นที่เติบโตเร็วที่สุด เป็นตัวอย่างชัดเจนของ Gentrification ที่เกิดจากนโยบายรัฐ เศรษฐกิจ การลงทุนทางเทคโนโลยี และการย้ายถิ่นฐานของประชากรคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ

ภาครัฐฯ ได้ทำการแปลงโฉมย่านใจกลางเมืองให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจ เทคโนโลยี และตลาด Startup ดึงดูดคนทำงานที่มีทักษะสูงทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติ พัฒนาพื้นที่สีเขียวริมทะเลและในเมืองเพื่อลดผลกระทบจากสภาพอากาศ ซึ่งนโยบายเหล่านี้ทำให้กลุ่มชนชั้นกลาง-สูง ย้ายเข้าสู่ใจกลางเมืองและย่านที่อยู่ริมทะเล ในพื้นที่บริเวณสถานศึกษาก็จะมีนักศึกษาและคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น เมื่อมีโครงการใหม่ ๆ รุกเข้ามาทำให้อาคารเก่าแปลงเป็น Startup Hub การผุดขึ้นมากมายของคอนโดหรู ส่งผลต่อโครงสร้างธุรกิจและวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างเช่น ย่านที่มีคาเฟ่ ตลาดดั้งเดิมและร้านค้าเล็ก ๆ เมื่อเจอค่าเช่าที่สูงขึ้นก็จำต้องปิดตัวลง คนท้องถิ่นและผู้อยู่อาศัยเก่าแก่ในบ้านเก่า ๆ ก็ต้องย้ายออกจากพื้นที่ที่กลับกลายเป็นตึกสูง ความหนาแน่นที่เพิ่มมากขึ้น วิถีดั้งเดิมที่ลดลง ทำให้บรรยากาศชุมชนอันอบอุ่นต้องหายไป 

จากการพูดคุยสอบถามคนในชุมชน ต่างมีความคิดเห็นดังนี้

“พอเมืองสวย เรากลับอยู่ไม่ได้”  

“ตอนนี้เราได้ลูกค้าใหม่มากขึ้น แต่พวกเราก็ต้องจ่ายค่าเช่าแพงขึ้น”

“ร้านขายขนมของฉันอยู่มา 30 ปี ลูกค้าก็มีเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ค่าเช่าขึ้นสองเท่า ขายของเหมือนเดิมแต่จ่ายเพิ่มขึ้นทุกปี”

“มีคาเฟ่เก๋ ๆ มาเปิดเต็มไปหมด แต่เด็กแถวนี้ไม่กล้าเดินเข้า เพราะมันดูไม่ใช่ของเขา”

“มีคอนโด 10 ชั้นผุดเต็มไปหมด บ้านเก่าเริ่มหายไป”

เสียงที่พวกเขาส่งออกมานี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงความแปลกใหม่ที่อาจดูดีในสายตาคนอื่น แต่จะแปลกแบบไหนสำหรับพวกเขา ในเมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ร้านสไตล์ modern คล้าย ๆ กัน การปลูกฝังค่านิยมชนชั้นกลาง อย่างร้านกาแฟชิก ๆ ว่าแบบนี้คือสวยนะ ความจริงร้านกาแฟแบบโบราณเก่า ๆ ก็อาจดูสวยตามความคิดของใครของมัน คนในพื้นที่อาจมองว่าเป็นเสน่ห์ของย่าน แต่ไม่ได้มองว่ามีความสวยแต่อย่างใดเลย

การเปลี่ยนแปลงของเมืองในภูมิภาคคิวชู นอกจากเมืองฟุกุโอกะแล้ว เมืองอื่น ๆ อย่างคิตะคิวชู หรือเมืองชนบทอย่างอาซากุระ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน แต่อาจจะเป็นไปในทิศทางที่แตกต่างกัน เพราะความที่ฟุกุโอกะเป็นเมืองใหญ่ระดับภูมิภาค จึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านวีซ่า, ภาษี, และที่อยู่อาศัย ทำให้นักลงทุนต่างชาติ (ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์) ให้ความสนใจสูง พร้อมสิทธิซื้ออสังหาฯ เทียบเท่าคนญี่ปุ่น สามารถย้ายมาอยู่อาศัยได้จริงในระยะยาว การหลั่งไหลเข้ามาของกลุ่ม white‑collar คนรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นเองที่ย้ายเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะในย่านที่ต้องการความหลากหลายทางวิชาชีพ รวมถึงนโยบายเมืองสีเขียว การลงทุนในโครงการ Smart City เพื่อพื้นที่ที่สะอาดและปลอดภัย เช่น ระบบกล้องอัจฉริยะ แอปแจ้งปัญหาเมือง และ free Wi-Fi ทั่วเมือง ทำให้โครงสร้างเมืองเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็แลกมาด้วยค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้นและความหนาแน่นของชุมชนดั้งเดิมที่เริ่มเบาบางลง การเข้าถึงเทคโนโลยีก็ไม่ได้เท่าเทียม เพราะคนสูงวัยบางกลุ่มไม่สามารถใช้งานได้

ในทางกลับกันนั้น เมืองคิตะคิวชู ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมเก่า กำลังเปลี่ยนแปลงด้วยแนวคิด Green renewal และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) จึงทำให้ชุมชนที่นี่มีส่วนร่วมสูงในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมเดิมให้เป็น Green Zone เพื่อป้องกันการหลงลืมชุมชนดั้งเดิม

ขณะที่ อาซากุระ ซึ่งเป็นเมืองชนบทที่ต้องผจญกับการฟื้นฟูเมืองหลังภัยพิบัติ เลือกใช้แนวทางการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน (community-based) มหาวิทยาลัยและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร มุ่งเน้นไปที่การออกแบบภูมิทัศน์แบบให้ชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อให้คนในพื้นที่มีบทบาทโดยตรงและสร้างความผูกพันในชุมชนจนสามารถรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นไว้ได้อย่างเข้มแข็ง โดยชาวบ้านเมืองอาซากุระ ผู้รอดจากภัยธรรมชาติและร่วมออกแบบพื้นที่สีเขียวในหมู่บ้านได้กล่าวไว้ว่า “ตอนก่อนน้ำท่วม แทบจะไม่มีใครมองเห็นความเป็นหมู่บ้านแห่งนี้เลย แต่พอทุกคนมาช่วยกัน เรากลับรักที่นี่มากขึ้น” 

ทั้งสามเมืองจึงสะท้อนให้เห็นว่า แม้จะอยู่บนเกาะคิวชูเหมือนกัน แต่รูปแบบการพัฒนาเมืองและบทบาทของชุมชนกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยมีบริบททางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเหตุการณ์ในอดีตเป็นตัวกำหนดทิศทางอย่างชัดเจน

การเปลี่ยนแปลงจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราอาจสามารถยกระดับภาพลักษณ์ของเมือง โดยให้เป็นศูนย์นวัตกรรม (Innovation Hub) เป็นเมืองที่สะอาด ปลอดภัย ดึงดูดการลงทุน แต่ชุมชนดั้งเดิมก็จะค่อย ๆ หายไป ช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มเพิ่มมากขึ้น ทั้งรัฐฯ และชุมชนจึงควรร่วมกันหาทางออกและกำหนดนโยบายเพื่อให้เกิดผลดีต่อทุกกลุ่ม เช่น 

กำหนดสัดส่วนพื้นที่ให้ร้านดั้งเดิมอยู่ร่วมกับโครงการใหม่

ใช้ภาษีเมืองสนับสนุนกิจกรรมชุมชนและศิลปะท้องถิ่น

ใช้ข้อมูลค่าเช่า, อัตราว่าง, สำรวจสำมะโนประชากรเพื่อติดตามผลกระทบ

ออกแบบผังเมืองให้ทุกกลุ่มได้ประโยชน์ร่วม

จัดเวิร์กช็อป, แพลตฟอร์มดิจิทัล, อบรมทักษะชุมชนให้เท่าทันนวัตกรรมเทคโนโลยี

แม้เมืองจะเจริญขึ้น รวยขึ้น และดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลก แต่หากไม่บริหารจัดการอย่างรอบด้าน อัตลักษณ์ท้องถิ่นอาจสูญหายไป จึงควรพัฒนาไปพร้อมกับไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สนับสนุนธุรกิจรายเล็ก ให้ทุนหรือค่าเช่าพิเศษกับร้านเก่า ร้านท้องถิ่น กำหนดโซนพัฒนาให้มีทั้งอาคารใหม่และพื้นที่สำหรับคนท้องถิ่นอยู่ได้จริง การพัฒนาเมืองโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมก็จะสามารถผสานความทันสมัยพร้อมกับการรักษารากเหง้าไว้ได้.

 

อ้างอิง

https://www.fukuoka-now.com/en/news/daimyo-area-wins-urban-landscape-awards/

https://www.mdpi.com/1999-4907/14/4/664

https://www.city.fukuoka.lg.jp/keizai/r-seisaku/business/tenjinbigbang.html

 

Share This Story !

1.2 min read,Views: 299,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    กันยายน 18, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    กันยายน 18, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    กันยายน 18, 2025