การนำเสนอทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2568 โดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 

 

 

ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ โอกาสและความท้าทายจาก Digital Disruption ที่ปฏิวัติการดำเนินธุรกิจ และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ล้วนเป็นความเสี่ยงที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ความยั่งยืน ที่วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแสหรือจุดขายทางการตลาด แต่เป็นเรื่องที่ทุกรัฐบาล ทุกหน่วยงาน และทุกคน ในฐานะประชากรของโลกใบนี้ ต้องคิดและทำอย่างจริงจัง

 

จากการที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลัก เป็นอุตสาหกรรมแห่งความหวัง จนเป็นนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวก็เป็นอุตสาหกรรมบริการที่สร้างรายได้จากต้นทุนทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของประเทศ ทำให้คนไทยและนักท่องเที่ยวตระหนักถึงคุณค่าของต้นทุนนี้ บนรากฐานความคิดที่ว่า ประเทศไทย ไม่ใช่เป็นเพียงแหล่งทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป แต่เป็นที่ให้กำเนิด เป็นบ้านที่เราเติบโต และเป็นแผ่นดินที่หล่อเลี้ยงชีวิต

 

เพื่อขานรับนโยบายของรัฐบาล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขอเป็นหน่วยงานหลักที่ส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวและร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย ในการสร้างประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าและมีความหมายไปพร้อมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อสร้างรายได้ กระจายประโยชน์อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืนร่วมกัน

 

ภารกิจหลักของ ททท. คือการกระตุ้นความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มีทั้งเงินและใจ เงิน ที่จะสนับสนุนธุรกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และใจ ที่พร้อมจะเข้าใจตัวตนของผู้คน เปิดกว้างยอมรับความแตกต่าง ใส่ใจ ไม่รบกวนธรรมชาติ และพร้อมช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม 

 

อย่างไรก็ดี การนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ จะประสบผลสำเร็จก็ต่อเมื่อนักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดีตามที่คาดหวัง เกิดความประทับใจ ไปบอกต่อ และกลับมาเที่ยวซ้ำ ททท. จึงให้ความสำคัญกับการผลักดันพันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้ร่วมมือกันพัฒนาและยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ให้ตรงกับความต้องการและความคาดหวังของนักท่องเที่ยว

 

จากเป้าหมายรายได้ของ ททท. ปี 2567 ที่ 3 ล้านล้านบาท และเป้าหมายรายได้เชิงนโยบาย 3.5 ล้านล้านบาท ทำให้ในปี 2568 ททท. ตั้งเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจผลักดันการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง ในอัตราเร่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 7.5 สูงกว่าการเติบโตของ GDP ประเทศไทยปี 2568 ถึง 1.7 เท่า เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับไปอยู่ ณ จุดสูงสุดอีกครั้ง ในแง่จำนวนนักท่องเที่ยว โดยเราจะต้องชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 39 ล้านคน และกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวทั่วไทยมากกว่า 205 ล้านคน-ครั้ง

 

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ททท. จะเพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาดและลูกค้าของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตลอด Tourist Journey ตั้งแต่เริ่มหาข้อมูลตัดสินใจเลือกประเทศไทย เดินทางมาถึง ท่องเที่ยวในเมืองไทย และเดินทางกลับไปยังประเทศต้นทาง

 

ททท. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับ โดยจะวิเคราะห์ทุก Touch Point ให้ลึกขึ้น ละเอียดขึ้น รวมถึงใช้กลไกอัจฉริยะจาก AI จนได้ Data ที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์สำหรับการออกแบบ Tourist Experience ร่วมกับพันธมิตร

 

มากไปกว่านั้น ททท. มีความตั้งใจที่จะประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและนอกอุตสาหกรรมแบบ 360 องศา หลีกเลี่ยงการใช้กลไกราคา สนับสนุนการดำเนินงานอย่างยั่งยืน และจะระดมสรรพกำลังของสำนักงาน ททท. ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก และทั่วทุกภูมิภาคของประเทศในการเจาะกลุ่มวัฒนธรรมย่อยหรือ Sub-culture เพื่อร่วมเดินทางกับทุกฝ่ายไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้

 

ปี 2568 ททท. ยังคงมุ่งขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีพฤติกรรมและแนวโน้มใช้จ่ายสูง เพื่อผลักดันการเพิ่มรายได้ ควบคู่กับการกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวบ่อยครั้งขึ้น กระจายตัวสู่จังหวัดต่าง ๆ อย่างทั่วถึง รวมทั้งตอกย้ำให้คนไทยภาคภูมิใจในความเป็นไทยผ่าน “เสน่ห์ไทย”

 

“เสน่ห์ไทย” ที่มีความหมายในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 3 เสาหลักแห่งความยั่งยืน เสน่ห์ไทยที่อุดมด้วยภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจากการเปิดรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลายชาติพันธุ์ ที่ผสมผสานความแตกต่างไว้อย่างกลมกลืน และถ่ายทอดจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของพวกเรา ตัวอย่างวิถีชีวิตที่น่าภูมิใจและสร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั่วโลก คือ รอยยิ้มของคนไทย อาหารไทย มวยไทย เทศกาลงานประเพณี ผ้าไทย และงานฝีมือแบบไท ๆ โดยปัจจุบัน นอกจากวิถีไทยเหล่านี้ ความสามารถของคนไทยที่ถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ไทย ทั้งเนื้อหาและความสามารถของนักแสดง รวมทั้งสถานที่ถ่ายทำ ที่มีส่วนช่วยเพิ่มการรู้จักและความนิยมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก 

 

จากแนวคิดดังกล่าว ททท. ได้เชื่อมโยงไปสู่ 5 Must Do in Thailand หนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลไทย ที่ถือเป็น Grand Strategies ของประเทศไทย ซึ่ง ททท. ได้รับนโยบายนั้นมาวางแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์และทำการตลาดไว้ ดังนี้ 

 

Must Taste อาหารไทย บอกเล่าที่มาความอร่อยและวิถีการกินของคนแต่ละภาค แต่ละจังหวัด ตั้งแต่วัตถุดิบ การประกอบอาหาร การปรุง การตกแต่ง จากครัวหลังบ้านจนถึงร้านมิชลิน อาหารเป็นยา อาหารที่ทำจากวัตถุดิบอินทรีย์ การกินดีที่ช่วยโลกและส่งเสริมสังคมเกษตรกรรมซึ่งเป็นรากฐานของประเทศไทย 

 

Must Try มวยไทย เรื่องราวศิลปะการต่อสู้ที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก รวมถึงกิจกรรมสร้างประสบการณ์และท้าทายกายใจ

 

Must Buy  แฟชั่น ผ้าไทย สินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น และงานฝีมือ งานคราฟต์ที่เล่าเรื่องราวชีวิต  การสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจของคนไทยผ่านงานศิลปะสาขาต่าง ๆ  ตั้งแต่ผ้าทอจากกี่ใต้ถุนบ้าน เสื้อผ้ามัดย้อมลายเก๋ของ Young Designer  จนถึง Haute Couture (โอต์กูตูร์) ฝีมือคนไทย 

 

Must Seek สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ หรือมุมมองและเรื่องราวใหม่ๆ ในที่เดิม ๆ เพิ่มเติมความประทับใจ สร้างคุณค่าและความหมายในการเดินทาง

 

Must See การแสดงทางวัฒนธรรม เทศกาลงานประเพณีทั่วไทยที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ ความสนุกสนานรื่นเริงของคนแต่ละท้องถิ่นทั่วไทย 

 

ททท. เชื่อมั่นว่าทุกหน่วยงานที่มาจากหน่วยกำกับของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  พันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จับมือกับเรามาอย่างยาวนาน ซึ่งบางท่านและบางหน่วยงานเป็น Friends of TAT มายาวนานเกิน 1 ทศวรรษ หลายผลงานที่เกิดขึ้นแสดงถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ในการผลักดันและส่งเสริม “เมืองรอง” เกือบ 10 ปีกับการผลักดันการ Shape Supply ควบคู่กับการ Drive Demand ทั้งในตลาดคนไทยและตลาดต่างประเทศ ให้แต่ละเมืองค่อย ๆ เติบโต เข้าใกล้ความเป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว ทำให้ในปี 2566 มีเมืองที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศรวมกันตลอดทั้งปีเกิน 4 ล้านคน เช่น เชียงราย และอีกหลายเมืองที่เกือบจะแตะ 4 ล้านคน เช่น นครศรีธรรมราช และอุดรธานี 

 

ตั้งแต่ปี 2558 ททท. นำเสนอเมืองรองที่มีจุดขายโดดเด่นแบบ Standalone และเชื่อมโยงระหว่างเมืองรอง ผ่านแคมเปญ “12 เมืองต้องห้ามพลาด” “12 เมืองต้องห้ามพลาด Plus” จนถึง “เมืองรองต้องลอง” และ “เปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยวเมืองรองมิรู้ลืม” และในปีนี้ ภายใต้นโยบาย IGNITE Tourism Thailand ของรัฐบาล “เมืองรอง” ทุกเมืองในประเทศไทย จะเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

 

ปี 2568 ททท. จะสานต่อการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว โดยใช้ City Marketing ค้นหาจุดขาย พลิกมุมมอง บอกเล่าเรื่องราว “เสน่ห์ไทย” ของแต่ละพื้นที่ สร้างความแตกต่างและโดดเด่น สร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับนักท่องเที่ยวได้เลือกเดินทางไปสัมผัสตามรสนิยมของแต่ละคน ภายใต้จุดขายแต่ละภาค เชื่อมโยงกันทั้งภูมิภาค หมุนเวียนกันไปจากเมืองสู่เมือง จากภาคสู่ภาค ทำให้ประเทศไทยเป็น High Season ตลอดทั้งปี

 

เริ่มจากการท่องเที่ยวเหนือตลอดปี Season of the North สัมผัสเสน่ห์วันวานเมืองเหนือที่ผสมผสานความสร้างสรรค์ และความยั่งยืนอย่างลงตัว ผ่านอาหาร งานคราฟท์ และกิจกรรม เพื่อสุขภาพในฤดูหนาว วิถีชีวิตและศรัทธาในฤดูร้อน และผ่อนคลายกับความสดชื่นงดงามของธรรมชาติในฤดูฝน ทำให้ภาคเหนือเที่ยวได้ทุกวัน แล้วพาตัวเองไปภาคอีสาน ไปอยู่ในความคึกคักของดนตรี เรียนรู้คู่ความอร่อยของอาหารถิ่น ผ่าน Gastronomy Tourism และเทศกาลประเพณีที่บ่งบอกวิถีชีวิตให้ทุกคนได้หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน

 

จากนั้นเราเดินทางไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรม นวัตกรรม และวัฒนธรรมร่วมสมัยของจังหวัดลุ่มแม่น้ำในภาคกลาง และสนุกกับสีสันตะวันออก Colorful Burapha ด้วยกีฬา กิจกรรมกลางแจ้ง แหล่งท่องเที่ยวสุดฟิน อิ่มอร่อยกับผลไม้และอาหารทะเลสดใหม่ สุดท้าย GO SOUTH ลงใต้ไปใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ด้วยการเดินทางแบบ Wellcation และ Carbon Neutral Tourism พร้อมดื่มด่ำธรรมชาติสองฝั่งทะเล

 

นอกเหนือจาก “เสน่ห์ไทย” และ “เมืองน่าเที่ยว” แล้ว ททท. ยังนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่ดำเนินการอย่างยั่งยืนให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีความหมาย เป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนเป็น Highlight Product ของ ททท. และยังเป็นเครื่องมือในการปรับภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยน่าสนใจ สดใหม่ยิ่งขึ้น ควบคู่กับคุณภาพที่มากขึ้น สำหรับคนไทยที่นิยมเที่ยวต่างประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยเดินทางมาประเทศไทย หรือกลุ่ม Revisit ที่มีสัดส่วนมากกว่า 70% 

 

สำหรับการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ททท. จะดำเนินงานดังนี้ 

 

ตลาดในประเทศ ททท. จะมุ่งเพิ่มความถี่ในการเดินทางของคนไทย ทั้งภายในภูมิภาคและข้ามภูมิภาค กระตุ้นการใช้จ่าย รวมทั้งพยายามดึงคนไทยกลุ่มศักยภาพที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในวันหยุดยาว ให้กลับมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้น โดยใช้ Big Events และ Local Festival Experience ดึงดูดให้คนไทยเดินทางเที่ยวไทยตลอดปี ทั้ง Event ที่เป็นเทศกาล ประเพณี ดนตรี และกีฬา ใช้กิจกรรมท่องเที่ยวที่ตรงใจ กระตุ้นการใช้จ่ายของ Sub-culture Segment ที่มีศักยภาพให้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น นำเสนอที่พักที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้ ให้กับ Pet Lover และนำเสนอสปา นวดไทย และอาหารการกินเพื่อสุขภาพ ให้กับกลุ่มคนไทยที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสมดุล

 

ปี 2568 ททท. จะกระตุ้นให้คนไทยตัดสินใจเดินทางทันที ออกไปสุขทันทีที่ได้ใช้เวลากับคนที่รัก เพราะขณะที่เวลากำลังเดินไปข้างหน้า เวลาของใครบางคนกลับเดินถอยหลัง ออกไปสุขด้วยกันตั้งแต่วันนี้ เพราะรอยยิ้มของคนที่เรารักประเมินค่าไม่ได้ แคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย”

 

สำหรับการส่งเสริมตลาดต่างประเทศ เป้าหมายสูงสุดของ ททท. คือการจับมือเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเหมือนในปี 2562 หรือสูงกว่านั้น และยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้อย่างยิ่งใหญ่ คือ รัฐบาลไทยได้ประกาศมาตรการยกเว้นวีซ่า 60 วันให้กับอีก 36 ประเทศ รวมเป็น 93 ประเทศ โดยจะมีผลในวันที่ 15 กรกฏาคม 2567 เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาไทยได้ง่าย และบ่อยมากขึ้น

 

ในปีนี้ ททท. มุ่งผลักดันการเติบโตของตลาดศักยภาพ 23 ตลาดทั่วโลกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยและสร้างรายได้มากกว่า 80% ของจำนวนและรายได้ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2567 โดยจะสานต่อและผลักดันการเพิ่ม Seat Capacity ทำงานร่วมกับสายการบินต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ผลักดันการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางบินปัจจุบัน เพิ่มเส้นทางบินใหม่ และขยายระยะเวลาการบิน ทั้ง Regular Flight และ Charter Flight เพื่อรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว รวมทั้งเร่งทำการประชาสัมพันธ์สนามบินที่มีศักยภาพในการรองรับเที่ยวบินทั้ง Domestic และ International เช่น สนามบินอู่ตะเภา สนามบินเพชรหัวหิน 

 

สำหรับ Highlight Product ททท. จะส่งเสริม “เมืองน่าเที่ยว” ที่มีศักยภาพ และ “เสน่ห์ไทย” ที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศทั้งระยะใกล้และระยะไกล ให้ได้เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างตลอดปี โดยจะใช้โอกาสในการเข้าร่วม Trade Fair ระดับโลก เช่น ITB Berlin, WTM London, ATM Dubai, CITM Shanghai และ SATTE Delhi ขยายการรับรู้สินค้าของลูกค้าในตลาดหลักอย่างทั่วถึง และเป็นที่น่ายินดีที่ประเทศไทยได้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ ทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ และ Music VDO ระดับโลกหลายเรื่องด้วยกัน อีกทั้งยังมีซีรีส์และภาพยนตร์ไทยที่ดังไกลถึงต่างแดน โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย  ททท. จึงจะต่อยอดกระแสความนิยมดังกล่าว สร้างการรับรู้สินค้าท่องเที่ยวไทยในกลุ่ม Fandom ให้เดินทางมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องทั้งปี

ในการกำหนดแผนการดำเนินงานในตลาดต่างประเทศ ตลาดระยะใกล้เป็นตลาดหลักด้านจำนวนของไทย มาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน เห็นได้จากการเติบโตที่สูงกว่า 2 Digits ในเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดหลักอย่างจีนที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เท่ากับปี 2562 ดังนั้น ในปี 2568 เพื่อให้การฟื้นตัวของทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดจีนกลับสู่ระดับเดียวกับปี 2562  ททท. จะมุ่งกระตุ้นตลาดด้วย 2 แนวทางหลัก คือ

– เจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีอายุน้อยลง กลุ่ม New Gen ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยในใจลูกค้าอนาคต โดยเฉพาะในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกง ตั้งแต่กลุ่มเด็กเล็กที่มาเที่ยวกับพ่อแม่ เด็กโตที่เดินทางเป็นกลุ่มกับโรงเรียน Gen Z, First Jobber ไปจนถึงกลุ่ม Gen-Y หรือ Millennials

– กระตุ้นความถี่และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว Sub-segment ศักยภาพ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Millennials  กลุ่มครอบครัว และกลุ่มผู้มีรายได้สูง ผ่านการจัดทำโครงการที่ออกแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย อาทิ กลุ่ม Shopping mania ในตลาดอาเซียน จากพฤติกรรมของความชื่นชอบการจับจ่ายซื้อของใช้และของฝาก และความนิยมในสินค้าไทย นำเสนอ Must Taste และ Must Buy อาหารไทยและของที่ระลึก เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชอปปิงทั่วประเทศ กลุ่มขับรถเที่ยวและกลุ่มท่องเที่ยวทางรถไฟจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน จากการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของ Seat Capacity  ในขณะที่พฤติกรรมความชื่นชอบการขับรถเที่ยวของกลุ่มผู้มีรายได้สูงเติบโตขึ้น ททท. จึงจะส่งเสริม Overland Trip to Thailand ให้กับกลุ่มที่ชื่นชอบการขับรถเที่ยวจากมาเลเซีย เดินทางลึกเข้ามาเที่ยว มาใช้จ่าย และใช้เวลาในประเทศไทยมากขึ้น ส่งเสริมกลุ่มคาราวานและการเดินทางทางรถไฟจากจีนตอนใต้ ให้เดินทางเข้าไทยทางภาคเหนือและภาคอีสาน พร้อมกันนี้ยังส่งเสริม Charter Train จากมาเลเซีย ตลอดจนดึงกลุ่ม Fly & Drive ของสิงคโปร์ ให้บินสบาย ๆ มาขับรถเที่ยวทั่วไทย 

 

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับตลาดจีน ตลาดสำคัญของประเทศไทย ในปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. จะร่วมกับรัฐบาลจีน โดยสถานทูตจีนประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 17 กันยายน 2567 และต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยมีกิจกรรมทั้งในระดับ G2G รัฐบาลกับรัฐบาล ธุรกิจกับธุรกิจ B2B และ P2P ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อาทิ Nihao month เชิญอินฟลูเอนเซอร์ และ Celebrity ชื่อดังระดับโลกเดินทางมาประเทศไทย พร้อมทั้งจัด Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตร กิจกรรม Chinese Passport Special Deals กระตุ้นการเดินทาง เพิ่มค่าใช้จ่ายและวันพักของนักท่องเที่ยวจีน จากพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองของจีนเข้ามาไทย

 

สำหรับตลาดระยะไกล ตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ในปี 2567 เป็นตลาดที่มีแนวโน้มสดใส จากการคาดการณ์ของ ททท. ตลาดระยะไกลจะสามารถเพิ่มจำนวนและสร้างรายได้ได้สูงกว่าปี 2562 ถึงแม้จะเป็นตลาดที่มีสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยทั้งหมด แต่ในแง่การสร้างรายได้แล้ว สามารถสร้างรายได้ถึงเกือบ 40% ของรายได้ตลาดต่างประเทศโดยรวม เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทยเป็นเวลานาน ประมาณ 12-18 วันต่อทริป และกว่า 70% เป็นกลุ่มคนที่เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง อาจสรุปได้ว่าตลาดนี้เป็นผู้ที่รู้จักและมีประสบการณ์เชิงลึกในประเทศไทย

 

เพื่อต่อยอดการดำเนินงานจากปี 2567 ผนวกกับการสร้างฐานตลาดใหม่ในระยะต่อไป ปี 2568 ททท. จึงมีแนวทางการดำเนินงานหลัก สำหรับตลาดระยะไกล ดังนี้

– ปักธงพื้นที่ตลาดใหม่ สร้างการรับรู้สินค้าและบริการท่องเที่ยวจากการเข้าร่วม Market Briefing และ Tourism Clinic ททท. ได้เปิดสำนักงานสาขาต่างประเทศแห่งใหม่ ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ในสหรัฐอเมริกา คือ สำนักงานชิคาโก เพื่อขยายฐานตลาดในพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ในปีนี้ ททท. จะได้รุกเข้าไปนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น

– ขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ Quality Leisure โดยเฉพาะกลุ่ม First Visit ในตลาด UK และ Ireland   ยุโรปตะวันตกและบอลข่าน ฝรั่งเศส โมนาโก และเบเนลักซ์ เจาะกลุ่ม New Gen ในตลาดอเมริกาและแคนาดา ที่ใส่ใจการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งกลุ่ม Gen-Z ที่มองหาประสบการณ์ที่ให้ความหมายกับชีวิต กลุ่ม Millennials ที่ต้องการเจาะลึกวัฒนธรรมท้องถิ่น และ Active Outdoor Experience และกลุ่ม Asian American ซึ่งถือเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง เจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ใช้จ่ายสูง เช่น กลุ่ม DINKs และ LGBTQIAN+ (rainbow economy ร้อนแรงมากในปัจจุบัน) ททท. มุ่งเสนอ Luxury Product  สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Gastronomy Tourism ธรรมชาติและวิถีชุมชน ให้กับตลาดเยอรมัน สวิส อเมริกา แคนาดา รวมถึงกลุ่ม Wellness & Wellcation ในรัสเซีย

 

ตลาด Luxury ในกลุ่ม 6 ประเทศอาหรับ หรือ GCC ด้วยการทำ Online Marketing ร่วมกับสายการบิน หรือ Luxury Travel Concierge และ Influencer พร้อมกันนี้ ททท. จะสานต่อความพยายามในการผลักดันการอำนวยความสะดวกการเดินทางเข้าประเทศ และการเปิดหรือเพิ่มเที่ยวบินจากตลาดคุณภาพ โดยในปี 2567 หลายสายการบินมีเที่ยวบินตรงสู่กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น เช่น สายการบิน Iberojet จากมาดริด และ Condor จากแฟรงก์เฟิร์ต อีกทั้ง SCAT Airline ของคาซัคสถาน ก็ยังเปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ 2 เส้นทางใหม่ อัลมาตี – สุราษฎร์ธานี และ อัลมาตี – อู่ตะเภา 

 

ปี 2568 ททท. จะชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในประเทศไทย ค้นพบมุมมองใหม่ ผู้คนใหม่ ๆ รสชาติใหม่ ๆ ให้เป็นเรื่องราวและความทรงจำใหม่ ๆ และไม่ว่าจะเคยเดินทางมาประเทศไทยกี่ครั้ง ทุกครั้งจะยังรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกเสมอ “Amazing Thailand : Your Stories Never End” เรื่องราวที่มีความหมายและน่าประทับใจจนอยากจะบอกเล่าแบบไม่มีที่สิ้นสุด 

 

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ททท. จะเน้นย้ำสำหรับตลาดระยะไกล คือ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหภาพยุโรปหรือ EU ได้ผ่านความเห็นชอบกฎหมาย Corporate Sustainability Due Diligence Directive หรือ CSDDD  ที่ควบคุมให้ธุรกิจประกอบการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม ตลอด Value Chain ทั้ง Supplier โดยตรงและโดยอ้อม โดยมีจุดมุ่งหมายให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน กฎหมายดังกล่าวจะบังคับใช้ทั่วยุโรปในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้หน่วยงานและผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ต้องการทำธุรกิจกับสหภาพยุโรปต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวเพิ่มความเข้มข้นให้กับกฎหมายความยั่งยืนอื่น ๆ ที่บังคับใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน 

 

ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องทำไม่ใช่แค่เรื่องที่ควรทำ เมื่อภาวะโลกเดือด แนวโน้ม New Generation ที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจัง มาบรรจบกับกฎระเบียบข้อบังคับจากคู่ค้าระดับนานาชาติ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ 

 

ตลอด 64 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน ททท. ได้พยายามดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด ตั้งแต่ อนุสาร อสท. นิตยสารที่รู้จริงเรื่องท่องเที่ยว และมีอายุเท่า ททท. อสท. กำลังจะเป็นเพื่อนร่วมทางในเส้นทางสู่ความยั่งยืน 

 

7 GREENs Concept แนวทางที่ ททท. ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2551 ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ร่วมมือกันดูแลโลก ลดภาวะโลกร้อน และรักษาสิ่งแวดล้อม

 

การนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวแบบ Low Carbon BCG Happy Model Green Food เป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 

Organic Tourism รูปแบบการท่องเที่ยวที่ถ่ายทอดเรื่องราววิถีชุมชนที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างสมดุล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้อาหารตามฤดูกาลและวัตถุดิบท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายสังคมอินทรีย์

 

Sustainable Tourism Goal หรือ STGs แนวทางและเกณฑ์การพัฒนาธุรกิจให้ได้มาตรฐานท่องเที่ยวยั่งยืนที่สอดรับกับ SDGs ขององค์การสหประชาชาติ และ STGs STAR จะเป็นโซ่ข้อกลาง เป็นสารตั้งต้นของแนวทางความยั่งยืน โดย ททท. ตั้งเป้าว่าไม่น้อยกว่า 80% ของผู้ประกอบการไทย จะต้องผ่านเกณฑ์ STG 3 ดาวในปี 2570

 

CF Hotels แพลตฟอร์มออนไลน์ ที่เป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดของผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก ช่วยคำนวณการปล่อยและลดก๊าซเรือนกระจก ลด Carbon Footprint จากการใช้พลังงาน 

 

TAT Academy ศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว ที่มุ่งยกระดับความรู้ด้านการตลาดท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ

 

ท้ายที่สุด รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ Thailand Tourism Awards (TTA) ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2539 (TTA) เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทยที่มีการพัฒนาเกณฑ์การตัดสินเป็นระยะจนถึงปัจจุบัน ครอบคลุมความพร้อมและศักยภาพเชิงการตลาด คุณภาพการบริการ และการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบ ในปี 2568 ททท. จะเสนอขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล TTA ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ TTA เป็นเกณฑ์การคัดเลือกสินค้าเข้าสู่กระบวนการขาย “รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” จะเป็นบันไดขั้นแรกในการก้าวสู่เวทีความยั่งยืนระดับโลกที่รับรองด้วยรางวัลและมาตรฐานสากล อาทิ Travel life ของฝั่งยุโรป เกณฑ์ TTA ที่พัฒนาแล้วจะใช้ในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครั้งที่ 15 ในปี 2568 ที่กำลังจะมาถึง

 

เพื่อให้การยกระดับ Value Chain ด้านการท่องเที่ยวชัดเจนยิ่งขึ้น ททท. จะสร้างต้นแบบการพัฒนา Supply Chain  เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการการตลาดอย่างยั่งยืน โดยในปี 2568 ททท. จะคัดเลือกพื้นที่นำร่อง เพื่อเข้าไปร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ จากอัตลักษณ์พื้นที่ สร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน และ Eco-friendly Green Event ส่งเสริมการใช้ CF Hotels Platform กระตุ้นให้ผู้ประกอบการพัฒนาการดำเนินงานตามเกณฑ์ TTA ตลอดจนส่งเสริมนวัตกรรมร่วมกับกลุ่ม Start-up และผลักดันให้เกิดความร่วมมือ เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมและการอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว เมื่อหน่วยงานและผู้ประกอบการฝั่ง Supply ขยับตัว คนในประเทศก็ต้องขยับตัวเช่นกัน ก่อนที่เราจะสามารถบอกชาวโลกได้ว่า เรากำลังมุ่งหน้าสู่ความยั่งยืน คนไทยต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อบ้านของตัวเองก่อน 

 

ปี 2568 เป็นต้นไป ททท. จะพัฒนาแบรนด์ Amazing Thailand  ให้เป็นแบรนด์ท่องเที่ยวไทยที่มุ่งสู่ความยั่งยืนบนเสน่ห์ไทยและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเริ่มต้นจากการกระตุ้นให้คนไทยตระหนักรู้ และเห็นคุณค่าของการเดินทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ใส่ใจกับสังคมและโลกมากขึ้น แบบคนรุ่นใหม่สไตล์ Gen S หรือ Green Gen จากนั้น เราจึงค่อยสื่อสารความพยายามนี้ไปสู่สายตาชาวโลก ผ่านแนวคิด Find the Green Side in You ชวนให้นักท่องเที่ยวมา Connect กับธรรมชาติและวิถีชีวิตรอบตัวในเมืองไทย ให้เกิดเป็นเรื่องราว Your Green Side Stories Never End ที่อยากบอกต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด การดำเนินงานของ ททท. ที่มีเป้าหมายความยั่งยืนอย่างเข้มข้น จะถูก Endorse ด้วยสัญลักษณ์ Amazing Thailand ที่มีใบไม้รูปหัวใจ ที่บอกถึงความใส่ใจในสามเหลี่ยมแห่งความยั่งยืน 

 

นอกจากนี้การจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ตาม Carrying Capacity เป็นสิ่งที่ควรทำ ถึงแม้ ททท. จะต้องการกระจายนักท่องเที่ยวและรายได้สู่ทุกพื้นที่อย่างเป็นธรรม แต่ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงความพร้อมในมิติต่าง ๆ ทั้งความสะดวกในการเดินทาง การเข้าถึง คุณภาพและมาตรฐานของสินค้าท่องเที่ยว ตลอดจนผลกระทบเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น และความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวด้วย

 

ท้ายที่สุด ต้นทุนทางวัฒนธรรมที่เราสื่อสารกับชาวโลกในมุมของการเป็นสินค้าท่องเที่ยวแท้ที่จริง คือ Soft Power ด้านวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า การส่งเสริม Soft Power อย่างมีทิศทางด้วยความเข้าใจในรากฐานของวัฒนธรรมดั้งเดิม ที่พัฒนาสู่วัฒนธรรมร่วมสมัยและต่อเนื่องไปถึงอนาคต จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาการบริหารจัดการและต่อยอดต้นทุนทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ กลายเป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่เติบโตอย่างแข็งแรง สร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และเป็นกลไกสำคัญในการสร้างอิทธิพลของประเทศไทยต่อประชาคมโลกต่อไปตามที่มุ่งหวัง

 

จากทิศทางการดำเนินงานของ ททท. ปี 2568 จึงเป็นปีที่ห้ามพลาด เป็น Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025 ที่ ททท. อยากจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาร่วมสัมผัสความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย Grand Invitation ความภาคภูมิใจในเสน่ห์ไทยที่เกิดจากการเปิดรับความหลากหลายและเปิดกว้าง พร้อมที่จะแชร์เรื่องราวและคุณค่ากับผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน มาร่วมสัมผัสการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีจากความร่วมมือร่วมใจของพันธมิตรและคนไทย Grand Collaboration ที่อยากจะส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่พิเศษและทรงคุณค่า Grand Privilege มาร่วมแบ่งปันความสุขแบบไทย ๆ ด้วยงานเฉลิมฉลองและเทศกาลยิ่งใหญ่ Grand Festivity มาสร้าง Moment ที่มีความหมาย  Moment ที่ดีต่อใจและดีต่อโลก Grand Moment เพื่อเก็บความประทับใจไว้เป็นเรื่องเล่าต่อไป

 

เพื่อให้ปี 2568 เป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ดังที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ตั้งเป้าหมายไว้ และภายใต้การกำกับดูแลของท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท. ขอเชิญทุกท่านร่วมแสดงออกถึงความพร้อมในการเป็นส่วนหนึ่งของ Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025 เพื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย และเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย 

Share This Story !

7.5 min read,Views: 4033,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    กุมภาพันธ์ 15, 2025