สรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 และ คาดการณ์สถานการณ์ เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2566

 

โดย งานวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด 

วันที่ 24 มิถุนายน 2566

 

 

ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ เดือนเมษายน-มิถุนายน 2566

 

ภาพรวมสถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 6,307,220 คน (ฟื้นตัวร้อยละ 70 ของปี 2562) และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 290,645 ล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 75 ของปี 2562) ตลาดนักท่องเที่ยว 10 อันดับแรกที่เดินทางเข้ามามากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์ ลาว รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง โดยบรรยากาศการเดินทางเที่ยวไทยของตลาดต่างประเทศในภาพรวมเป็นไปอย่างคึกคัก จากการไร้ข้อจำกัดในการเดินทางโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศยกเลิก COVID-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน มีผลตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2566 นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากตลาดหลักเข้าไทยเพิ่มมากขึ้น อาทิ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเที่ยวบิน Charter Flight จากรัสเซีย ทำให้ภาพรวมจำนวนที่นั่งเครื่องบินจากต่างประเทศเข้าไทย (Seat Capacity) ฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 65 ของจำนวนที่นั่งเครื่องบินจากสายการบินระหว่างประเทศเข้าไทยในช่วงเดียวกันของปี 2562 รวมทั้งปัจจัยหนุนของเทศกาลวันหยุดสำคัญในต่างประเทศ อาทิ Easter สงกรานต์/ปีใหม่ในลาว กัมพูชา การเดินทางท่องเที่ยวของชาวมุสลิมหลังฤดูถือศีลอด วันหยุดวันแรงงานของจีน วันหยุด Golden Week ญี่ปุ่น ผนวกด้วยกระแสการเดินทางมาท่องเที่ยวตามรอยศิลปินดารา Influencer/KOL ในสื่อสังคมออนไลน์ และชมคอนเสิร์ตศิลปินต่างชาติที่จัดขึ้นในไทยของแฟนคลับศิลปินในประเทศแถบเอเชีย ประกอบกับการกระตุ้นการเดินทางของตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายของ ททท. สำนักงานต่างประเทศร่วมกับพันธมิตร บริษัทนำเที่ยว และสายการบิน ทั้งในพื้นที่ตลาดหลักและการรุกส่งเสริมตลาดศักยภาพในพื้นที่ใหม่ ๆ อาทิ จีน ซาอุดีอาระเบีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ ไซบีเรีย รัสเซีย กลุ่มซีไอเอส โดยมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายในไทยสูง อย่างเช่นกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม กลุ่มขับรถเที่ยวเป็นคาราวาน บิ๊กไบค์ รวมไปถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวกำลังซื้อสูง 

 

ส่วนประเด็นลดทอนการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศในภาพรวม คือการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้เปิดให้เดินทางต่างประเทศได้แล้วทั้งกลุ่ม FIT และ Group Tour แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนที่นั่งเครื่องบินจากจีนเข้าไทยยังไม่เพียงพอ อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาการจัดการบริการภาคพื้นดินและเพิ่มความถี่เที่ยวบินจีน-ไทย การสื่อสารแนวทางการยื่นขอตรวจลงตราเข้าไทยแบบ e-Visa เพื่อความสะดวกในการเดินทาง รวมทั้งการฟื้นคืนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวจากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน และต้นทุนในการเดินทางสูงจากค่าบัตรโดยสารเครื่องบินมายังประเทศไทยที่มีราคาแพง 

 

โดยสถานการณ์รายภูมิภาคสรุปได้ดังนี้:

 

ภูมิภาคเอเชียตะวันออก (ประกอบด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และอาเซียน)

ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเดินทางเข้าไทยราว 4.2 ล้านคน (ฟื้นตัวร้อยละ 64 ของปี 2562) และสร้างรายได้การท่องเที่ยวประมาณ 1.6 แสนล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 66 ของปี 2562) สถานการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกครองสัดส่วนถึงร้อยละ 67 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจาก 

 

1.จำนวนที่นั่งเครื่องบิน (Seat Capacity) ของ “ตลาดหลัก” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก คือ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ฟื้นตัวกลับมาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 ภาพรวมจำนวนที่นั่งเครื่องบินจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเข้าไทยฟื้นตัวร้อยละ 65 จากช่วงเดียวกันของปี 2562 (ราว 6.3 ล้านที่นั่ง) โดยแบ่งเป็นภูมิภาคอาเซียน มีจำนวนที่นั่งราว 3 ล้านที่นั่ง (ฟื้นตัวถึงร้อยละ 81 จากช่วงเดียวกันของปี 2562) และตลาดที่มีจำนวนที่นั่งเครื่องบินเข้าไทยสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือ ตลาดสิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย โดยทั้ง 3 ตลาดเป็นตลาดหลักของภูมิภาค และมีอัตราการฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 79-89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมีที่นั่งราว 3.3 ล้านที่นั่ง (ฟื้นตัวร้อยละ 55 จากช่วงเดียวกันของปี 2562) โดยตลาดหลัก “เกาหลีใต้” มีอัตราการฟื้นตัวของที่นั่งเครื่องบินสูงที่สุดอยู่ที่ร้อยละ 88 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 รองลงมาคือ ตลาด “ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง” ฟื้นตัวร้อยละ 58 และร้อยละ 60 ตามลำดับ ในขณะที่ ตลาด “จีน”  ฟื้นตัวต่ำที่สุดในภูมิภาคฯ อยู่ที่ร้อยละ 40 อันเป็นผลมาจากการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ล่าช้า ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวภาพรวมภูมิภาคเอเชียตะวันออกต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ในไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 4.7 ล้านคน

2.การเพิ่มรถไฟขบวนพิเศษเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของไทยได้มากขึ้น ในเดือนเมษายน 2566 การรถไฟมาเลเซียได้เปิดบริการรถไฟขบวนพิเศษภายใต้ชื่อ “MY Sawasdee” ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10 ขบวน (รวมกับขบวนแรกที่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา) และจะเปิดให้บริการไปจนถึงเดือนธันวาคม 2566

3.ศิลปิน/นักแสดงชาวเอเชียชื่อดังโพสต์ภาพระหว่างท่องเที่ยวในประเทศไทยผ่านช่องทาง Social Media สร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยศิลปิน ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ศิลปินนักแสดงชาวจีนชื่อดัง อาทิ กงจวิ้น จางจิ้งอี้ และเฉินเจ๋อหย่วน เดินทางมาเที่ยวพักผ่อนในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ และได้โพสต์รูปภาพระหว่างท่องเที่ยวผ่านช่องทาง Social Media ของตน เช่น Weibo และ Instagram เป็นต้น

4.นักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกนิยมเดินทางมาเที่ยวไทยในช่วงวันหยุดยาวและช่วงปิดภาคเรียน ได้แก่ วันหยุดยาวช่วงวันแรงงานของจีน (29 เมษายน-3 พฤษภาคม 2566) โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยสูงเฉลี่ยราว 13,000 คนต่อวัน (จากปกติเฉลี่ยราว 8,000 คนต่อวัน) ในช่วงดังกล่าว อีกทั้ง cTrip บริษัท Online travel Agency ที่ใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยว่า “ไทย” เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่างประเทศยอดนิยมอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันแรงงานปี 2566 นี้ วันหยุดยาวช่วง Golden Week ของญี่ปุ่น (29 เมษายน-5 พฤษภาคม 2566) จำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัวในช่วงดังกล่าวหรือราว 5,300 คนต่อวัน (จากปกติเฉลี่ยราว 2,000 คนต่อวัน) รวมทั้งวันหยุดยาวช่วงปิดภาคเรียนของภูมิภาคอาเซียน (มิถุนายน 2566) เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวอาเซียนเดินทางเข้าไทยมากขึ้น

5.ททท. จัดกิจกรรมส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางนักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเข้าไทย เช่น กิจกรรม Amazing Thailand Mega FAM Trip to Phangnga 2023 ณ จังหวัดพังงา ระหว่างวันที่ 18-21 มีนาคม 2566 โดย 18 สำนักงานต่างประเทศของ ททท. ในด้านเอเชียเชิญผู้แทนบริษัทนำเที่ยว จำนวน 144 รายจาก 12 ประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น มาร่วมรับฟังการนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบ New Chapters และเร่งผลักดันการเสนอขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทยของแต่ละพื้นที่ตลาดในช่วงฤดูร้อนของปี 2566 นี้ ททท. ร่วมกับ 4 Online Platform ท่องเที่ยวชื่อดังของเอเชีย ได้แก่ Agoda KKDay Klook และ Alipay จัดกิจกรรม Joint Promotion สร้างการรับรู้ประเทศไทย ผ่าน Soft Power: 5F โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นยอดขาย เพิ่มความถี่ในการเดินทางเข้าไทย และสร้างประสบการณ์ใหม่ที่มีความหมายแก่นักท่องเที่ยวทั่วเอเชีย ททท. ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และ ททท. สำนักงานคุนหมิง จัดโครงการ Thailand First Move for China คาราวานนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาทาง อ.เชียงของ จ.เชียงราย จำนวน 141 คัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางเข้าไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์ และ ททท. เปิดตัวโฆษณาประชาสัมพันธ์ภายใต้ชื่อ “Unboxing Thailand 2023” ต้อนรับการกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวจีน เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากแสวงหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่าง ด้วยบทเพลงที่บอกเล่าถึง “ประสบการณ์” สุดประทับใจของเมืองไทย เป็นต้น

 

ภูมิภาคยุโรป 

บรรยากาศการเดินทางเข้าไทยชะลอลงจากการเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของตลาดยุโรป คาดว่ามีนักท่องเที่ยวเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เดินทางเข้าไทยจำนวน 940,980 คน (ฟื้นตัวร้อยละ 89 ของปี 2562) สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 59,364 ล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 88 ของปี 2562) อย่างไรก็ดีตลาดที่มีการฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 คือ ยุโรปตะวันออก รัสเซีย และเนเธอร์แลนด์ ส่วนตลาดอื่น ๆ มีการฟื้นตัวราวร้อยละ 70-90 โดยปัจจัยที่สนับสนุนนักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรปให้เดินทางมาไทยเกิดจาก

1.การเดินทางเที่ยวไทยช่วงวันหยุดเทศกาล Easter ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวยุโรปมีวันหยุดพักผ่อนประมาณ 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม-10 เมษายน 2566

2.จำนวนที่นั่งเครื่องบินเข้าไทย (Seat Capacity) ฟื้นตัวร้อยละ 70 จากช่วงเดียวกันของปี 2562 หรือมีจำนวนรวม 7.2 แสนที่นั่ง (ลดจาก 1.1 ล้านที่นั่งในไตรมาสก่อนหน้าจากการปรับตารางการบินฤดูร้อน) ทั้งนี้ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2566 ตลาดหลักของภูมิภาคยุโรป “รัสเซีย” เปิดเที่ยวบิน Charter Flight มายังประเทศไทยในตารางการบินฤดูร้อนครั้งแรกปีนี้ โดยสายการบินใหม่ของบริษัท RED WINGS ในเส้นทางมอสโก-อู่ตะเภา และมอสโก-ภูเก็ต รวม 12,360 ที่นั่ง สายการบิน Pegas Fly ในเส้นทางมอสโก-ภูเก็ต และอีร์คุตสค์-ภูเก็ต รวม 5,280 ที่นั่ง และสายการบิน Azur Air ในเส้นทางวลาดิวอสต๊อก-ภูเก็ต รวม 2,618 ที่นั่ง

3.กิจกรรมการดำเนินงานส่งเสริมตลาดของสำนักงาน ททท. ในยุโรป โดยมีการ Joint Marketing Campaign กับบริษัทนำเที่ยวและสายการบิน กระตุ้นการเดินทางของกลุ่มผู้มีรายได้สูงและกลุ่มครอบครัวมาท่องเที่ยวประเทศไทย รวมไปถึงการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขาย อาทิ งาน Amazing Thailand Roadshow to Siberia (รัสเซีย) ระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน 2566 งาน Amazing Thailand & Qatar Airways Golf Cup 2023 (อิตาลี) ระหว่างเดือนมีนาคม-กันยายน 2566 และงาน Amazing Thailand post-ITB Roadshow 2023 Israel and Italy (อิสราเอลและอิตาลี) วันที่ 12 และ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่วนปัจจัยที่ยังคงเป็นอุปสรรคในการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปคือ สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาค โดยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ เยอรมนี ยูโรโซน สหราชอาณาจักร มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราต่ำราวร้อยละ 0-1 รวมทั้งเหตุชุมนุมหยุดงานประท้วงบ่อยครั้งจากปัญหาค่าครองชีพ ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวบางส่วนจากการยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออกจำนวนมาก แต่เป็นผลกระทบระยะสั้น ประกอบกับสภาพอากาศอบอุ่นขึ้นช่วงฤดูใบไม้ผลิของภูมิภาคยุโรป จึงส่งผลให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้หรือท่องเที่ยวในประเทศทดแทนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

 

 

ภูมิภาคอเมริกา

คาดว่ามีนักท่องเที่ยวเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เดินทางเข้าไทยจำนวน 272,414 คน เป็นไปตามแนวโน้มคาดการณ์ไตรมาสก่อนหน้า (ฟื้นตัวร้อยละ 75 ของปี 2562) และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 17,503 ล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 79 ของปี 2562) จากการฟื้นตัวของเที่ยวบินเชื่อมโยงจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเข้าไทย ส่งผลให้การเดินทางเข้าไทยจากฝั่งตะวันตกของอเมริกามีความสะดวกมากขึ้น และทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวตลาดหลัก สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เดินทางมาท่องเที่ยวไทยไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากปัญหาต้นทุนการเดินทางสูงและเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว สังเกตได้จากจำนวนที่นั่งเครื่องบินของสายการบินภายในภูมิภาคอเมริกาที่ฟื้นตัวเพียงร้อยละ 80 และเที่ยวบินเชื่อมโยงเข้าไทยโดยเฉพาะจากจีนยังไม่ฟื้นกลับมา ผนวกกับการหยุดทำการบินในเส้นทางแวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ของสายการบิน Air Canada ตามตารางการบินฤดูร้อน และในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 สนามบินหลายแห่งในนครนิวยอร์กและในฟิลาเดลเฟีย ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ รัฐโอไฮโอ และแถบมิดแอตแลนติก เผชิญกับปัญหาสภาพอากาศที่เลวร้ายจากหมอกควันจากไฟป่าแคนาดา ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินเข้า-ออกสหรัฐฯ จำนวนมากเนื่องจากทัศนวิสัยย่ำแย่ต่อความปลอดภัย อีกทั้งเศรษฐกิจของตลาดอาร์เจนติน่ายังเผชิญปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึงร้อยละ 98 ทั้งนี้จากปัญหาต้นทุนการเดินทางสูงของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกาข้างต้น ททท. จึงทำงานร่วมกับพันธมิตร บริษัทนำเที่ยว V’Explore และสายการบิน EVA Air นำเสนอขายแพ็กเกจการเดินทางที่คุ้มค่าภายในงาน Travel Adventure Show เมือง Dallas มลรัฐ Texas ระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน 2566 และ ททท. ได้จัดกิจกรรม Amazing Thailand Fest 2023 in New York ระหว่างวันที่ 3-4 มิถุนายน 2566 ณ The Oculus – World Trade Center นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา นำเสนอกิจกรรมผ่าน Soft Power ของไทยในมิติต่าง ๆ เช่น การแสดงศิลปะการต่อสู้มวยไทย ผ้าไทย การแสดง Drag Show การสาธิตการทำอาหาร เป็นต้น ในขณะที่นักท่องเที่ยวตลาดบราซิล มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจดีที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา และสายการบินเชื่อมโยงจากบราซิลฟื้นตัวกลับมาเท่ากับช่วงก่อนการระบาดของ COVID-19  โดยนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเชื่อมโยงโดยสายการบิน Emirates, Qatar Airways, Turkish Airlines และ Ethiopia Airlines อีกทั้งตลาดบราซิลเป็นตลาดที่มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงในไทย ททท. สำนักงานลอสแอนเจลิสจึงมุ่งจูงใจนักท่องเที่ยวที่มีระดับรายได้สูงโดยการทำ Trade Appointment ตลาด Luxury ภายในงาน ILTM Latin America 2023 รวมทั้งมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์เสนอขายในงาน CASAR (Wedding Show) ในพื้นที่ตลาดบราซิล

 

 

ภูมิภาคเอเชียใต้

สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เดินทางเข้าไทยจำนวน 500,791 คน (ฟื้นตัวร้อยละ 82 ของปี 2562) และสร้างรายได้ประมาณ 19,061 ล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 82 ของปี 2562) ตลาดภูมิภาคเอเชียใต้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย จากปัจจัยที่สนับสนุนการเดินทางเข้าไทยคือ การฟื้นตัวของ Seat Capacity โดยเฉพาะ 3 ตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ ฟื้นตัวมาเกินกว่าร้อยละ 75 ของปี 2562 และจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวของตลาดอินเดียที่นิยม “การเดินทางเป็นหมู่คณะ” ทั้งการใช้บริการนำเที่ยวและจัดการเดินทางด้วยตัวเองแบบอิสระ (FIT) โดยเฉพาะในรูปแบบของกลุ่มครอบครัว ส่งผลให้มีกระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลหลังฤดูถือศีลอดของกลุ่มชาวมุสลิม และวันหยุดวันแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมที่ช่วยให้เกิดการเดินทางเข้าไทยในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และทำให้อัตราการฟื้นตัวของภูมิภาคเอเชียใต้มีแนวโน้มไปในทางที่ดี รวมทั้ง ททท. ได้นำเสนอทิศทางการตลาดและส่งเสริม Soft Power of Thailand ตามแคมเปญการตลาด Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters เพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพชาวอินเดียเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ตลาดศรีลังกามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยต่อเนื่องใกล้เคียงระดับเดียวกันกับช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2566 และเริ่มมีสัญญาณที่ดีทางเศรษฐกิจจากการได้รับเงินช่วยเหลือ 2.9 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อ

 

 

ภูมิภาคโอเชียเนีย

คาดว่ามีนักท่องเที่ยวเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เดินทางเข้าไทยจำนวน 186,854 คน (ฟื้นตัวร้อยละ 81 ของปี 2562) และสร้างรายได้ประมาณ 12,384 ล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 83 ของปี 2562) จากผลของการฟื้นตัวของเที่ยวบินของตลาดออสเตรเลียที่ฟื้นกลับมาร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับปี 2562 ทั้งนี้ ยังไม่มีเที่ยวบินตรงรองรับการเดินทางเข้าไทยของตลาดนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของ ททท. สำนักงานซิดนีย์ที่กระตุ้นลูกค้ากลุ่มที่จัดการเดินทางด้วยตัวเองแบบอิสระ (FIT) Digital Nomads และ Young Families ในช่วงเดือนต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้นในช่วงวันหยุดยาว 5 วัน (6-10 เมษายน 2566) ในช่วงเทศกาล Easter (School Break) และการเดินทางวันหยุดแรงงาน (Labor Day) โดยเฉพาะกลุ่ม Young families จากจำนวนนักท่องเที่ยวออสเตรเลียในเดือนเมษายนที่เพิ่มมากขึ้น และปัจจุบันมีเที่ยวบินเข้าไทยช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 มาจาก 2 เมือง คือ ซิดนีย์ และเมลเบิร์นซึ่งทำการบินโดย 4 สายการบิน ได้แก่ สายการบิน JetStar, Qantas, Thai Airways และ Thai AirAsiaX

 

 

ภูมิภาคตะวันออกกลาง

ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยจากภูมิภาคนี้ฟื้นตัวกลับมาเท่าระดับเดียวกับช่วงเวลาเดียวกันก่อน COVID-19 แล้ว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เดินทางเข้าไทยจำนวน 175,043 คน (ฟื้นตัวร้อยละ 123 ของปี 2562) และสร้างรายได้ประมาณ 16,327 ล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 150 ของปี 2562) การฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียเอื้อประโยชน์อย่างมากให้แก่ภาคการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย โดยตลาดซาอุดีอาระเบียครองสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด (กลุ่มประเทศมุสลิม) แซงสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจากกระแสการเดินทางท่องเที่ยวช่วงหลังฤดูถือศีลอด (Post Ramadan) ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศมุสลิม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตลาดหลัก ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางมาไทยในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 สูงกว่าในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2566 ร้อยละ 40-60 ในขณะที่ ตลาดอิสราเอลมีแนวโน้มการเดินทางที่แผ่วลงไปเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน Shekel ของประเทศอิสราเอลอ่อนค่า ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของชาวอิสราเอล ทั้งนี้ ททท. ได้ดำเนินการกระตุ้นการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว Kosher Passover ระหว่างวันที่ 4-13 เมษายน 2566 นำเสนอแพ็กเกจการท่องเที่ยวที่มีความคุ้มค่าโดยได้จัดกิจกรรมร่วมกับบริษัท Keshet Tour เสนอขายแพ็กเกจท่องเที่ยว 10 วันในเขาหลัก จ.พังงา ผ่านช่องทาง Social Media

 

 

ภูมิภาคแอฟริกา

คาดว่ามีนักท่องเที่ยวเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เดินทางเข้าไทยจำนวน 31,311 คน (ฟื้นตัวร้อยละ 69 ของปี 2562) สร้างรายได้การท่องเที่ยวประมาณ 2,181 ล้านบาท (ฟื้นตัวร้อยละ 76 ของปี 2562) เป็นผลจากการดำเนินงานของ ททท. โดยสำนักงานลอนดอนได้จัดกิจกรรมกระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดหลักแอฟริกาใต้ให้เดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เช่น กิจกรรม Amazing Thailand Roadshow to South Africa 2023 ระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2566 การจัดทำ Media Release หัวข้อ ‘NADIA JAFTHA AND XAVIER HAUPT IN THAILAND FOR FIRST INTERNATIONAL TRIP TOGETHER’ การ Joint Marketing และสร้างการรับรู้ประเทศไทยร่วมกับบริษัท WOLO Travel ผนวกกับการจัดกิจกรรม Influencer Fam Trip ร่วมกับบริษัทนำเที่ยว ในระหว่างวันที่ 4-13 มีนาคม 2566 เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนด้านการบินซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าไทยของตลาดแอฟริกาใต้และตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคฯ โดยในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 มีจำนวนที่นั่งเครื่องบินรวม 25,628 ที่นั่ง ฟื้นตัวร้อยละ 56 จากช่วงเดียวกันของปี 2562 อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว สายการบิน Kenya Airways งดทำการบินในเส้นทางไนโรบี (เคนยา)-กรุงเทพฯ 2 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ดังนั้น จะมีเส้นทางบินตรงเพียงเส้นทางเดียวจากภูมิภาคแอฟริกาเข้าไทยคือเส้นทางอะดิสอะบาบา (เอธิโอเปีย)-กรุงเทพฯ 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ทำการบินโดยสายการบิน Ethiopian Airlines และเที่ยวบินเชื่อมโยงจากภูมิภาคตะวันออกกลางและสิงคโปร์ เช่น สายการบิน Qatar Airways เส้นทางเชื่อมโยงเคปทาวน์-โดฮา-กรุงเทพฯ 36 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และสายการบิน Singapore Airlines เส้นทางเชื่อมโยงจากโจฮันเนสเบิร์ก-สิงคโปร์-กรุงเทพฯ 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เป็นต้น

Share This Story !

6 min read,Views: 3507,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    กุมภาพันธ์ 15, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    กุมภาพันธ์ 15, 2025