อยู่ใต้ฟ้า

 

 

รศ. ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์

 

เหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งทางกายภาพและจิตใจให้กับคนไทยอย่างชัดเจน กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ปลุกกระแสความตื่นตัวเรื่องภัยพิบัติในวงกว้าง แม้ที่ผ่านมา ประเทศไทยจะเผชิญกับภัยต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น น้ำท่วม พายุ รวมถึงภัยแล้ง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลับเน้นย้ำให้ประชาชนและผู้ประกอบการในทุกภาคส่วนตระหนักถึงความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือ และมีมาตรการป้องกันที่รัดกุมมากขึ้นในอนาคต เพื่อให้เราอยู่ใต้ฟ้าได้อย่างมีความสุขและความเข้าใจ ทั้งนี้การเตรียมรับมือสามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงสำคัญ ได้แก่ ก่อนเกิด ระหว่างที่เกิด และหลังจากเกิดเหตุการณ์ ซึ่งแต่ละช่วงล้วนส่งผลต่อปฏิกิริยาและการตัดสินใจที่แตกต่างกันไป 

 

ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากภัยคุกคามจากมนุษย์ เช่น ภัยสงครามหรือการก่อการร้าย เพราะเกิดขึ้นจากพลังอันมหาศาลของธรรมชาติที่มนุษย์ไม่อาจควบคุมหรือคาดเดาได้ ในขณะที่ภัยมนุษย์มักมีขอบเขตเหตุที่มา เช่น การจงใจทำลายล้าง ยึดครอง หรือเอาชนะกันเอง แม้ธรรมชาติจะไม่มีเจตจำนงใด ๆ แต่ความยิ่งใหญ่และไร้แบบแผนกลับทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีพลานุภาพเหนือกว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างและสั่งสมไว้ อีกทั้งยังยากจะคาดการณ์หรือรับมือได้ทันท่วงที ด้วยเหตุนี้เอง ภัยพิบัติจากธรรมชาติจึงมีอิทธิพลต่อทัศนคติและมุมมองของผู้คนต่อโลกและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวอย่างลึกซึ้ง 

 

ช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติ 

ช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติ มนุษย์อาจเผชิญภาวะวิตกกังวลจากความไม่รู้และความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องพบเจอกับภัยธรรมชาติที่ถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น อันเป็นผลมาจากความเสื่อมถอยของสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจ เกิดความเครียดสะสม และกระทบต่อพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน อาทิ การตื่นตัวและระแวดระวังมากขึ้น หรือเลือกหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงภัย ดังที่เห็นตัวอย่างจากเหตุการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่เกิดอย่างต่อเนื่องหลายปี ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีภาวะวิตกสูงกว่าปกติจากความไม่แน่นอนว่าจะเกิดไฟป่าเมื่อไร โดยมีผู้รายงานการนอนไม่หลับและอาการซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนในออสเตรเลีย เหตุการณ์ “Black Summer” ในปี 2019–2020 ทำให้หลายครอบครัวเลือกละทิ้งบ้านเรือน ด้านการท่องเที่ยว การศึกษาพบว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลีกเลี่ยงแหล่งท่องเที่ยวที่เคยมีประวัติเกิดเหตุ เช่น กรณีภูมิภาคแคริบเบียนหลังเฮอริเคนรุนแรงในปี 2017 พบว่านักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงทั้งเกาะที่ได้รับผลกระทบและพื้นที่ข้างเคียง เนื่องจากยังมีความไม่มั่นใจ รายงานจาก Caribbean Tourism Organization ระบุว่ายอดจองท่องเที่ยวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2018 โดยบางเกาะมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมากกว่า 50% จากปีก่อนหน้า และนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเลือกเปลี่ยนปลายทางไปยังประเทศที่ไม่มีประวัติภัยพิบัติรุนแรงแทน แม้จะมีการฟื้นฟูและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อว่าพื้นที่พร้อมต้อนรับแล้ว แต่ความมั่นใจและภาพลักษณ์ยังต้องใช้เวลาฟื้นกลับคืนสู่ระดับเดิม

 

ในการจัดการกับสภาวะดังกล่าว ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต้องวางมาตรการเพื่อให้เกิดความพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน การดำเนินงานเน้นการวางแผนจัดการความเสี่ยง เช่น การออกแบบแผนฉุกเฉิน การประกันภัยครอบคลุมภัยธรรมชาติ และการกำหนดแนวทางอพยพ พร้อมกันนี้ หลายธุรกิจมีการลงทุนในระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า ติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย รวมถึงสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติและมาตรการความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและพนักงาน ด้านภาคบริการสนับสนุน เช่น ขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร มีการปรับเปลี่ยนตารางเวลาการดำเนินงานให้สอดคล้องกับประกาศเตือนภัยหรือสภาพอากาศ เพิ่มระบบสำรองพลังงาน จัดฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการรับมือเหตุฉุกเฉิน และพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือแพ็กเกจท่องเที่ยวที่เน้นความยืดหยุ่น สามารถคืนเงินหรือปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ 

 

ฝั่งภาครัฐควรเร่งกำหนดนโยบายเพื่อจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน โดยเน้นการสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติระดับชาติและท้องถิ่น พัฒนาแนวทางฝึกอบรมบุคลากรและอาสาสมัครในพื้นที่เสี่ยงภัย ตลอดจนออกกฎระเบียบควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของแหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการ นอกจากนี้ รัฐยังควรส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชนและชุมชนในการแลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างเครือข่ายการเฝ้าระวังภัย รวมถึงบูรณาการองค์ความรู้จากแหล่งต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนฟื้นฟูและยุทธศาสตร์รับมือภัยพิบัติในระยะยาว พร้อมเดินหน้านโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ปรับปรุงระบบจัดการน้ำและป่าไม้ เพื่อลดผลกระทบและป้องกันไม่ให้ภัยพิบัติเกิดบ่อยขึ้น ความร่วมมือในการจัดการทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว แม้ไม่อาจคาดเดาหรือควบคุมไม่ให้ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นได้ แต่ก็มั่นใจได้ว่าจะสามารถรับมือหากต้องเผชิญ 

 

ช่วงระหว่างเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ 

NigelSpiers / Shutterstock.com

 

ช่วงระหว่างเกิดภัยพิบัติมักมีความสับสนวุ่นวายเนื่องจากผลกระทบที่แผ่ขยายไปถึงแทบทุกคนทุกส่วนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ หรือเจ้าหน้าที่ต่างก็มีภาระและความรับผิดชอบเฉพาะหน้า ต้องเผชิญกับภาวะตื่นตกใจ การขาดข้อมูลที่ชัดเจน และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจไม่สามารถตัดสินใจหรือวางแผนได้อย่างเหมาะสม เกิดความวุ่นวายในการอพยพ การหาที่ปลอดภัย หรือการติดต่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งบรรยากาศในช่วงนี้อาจเต็มไปด้วยความตึงเครียดวุ่นวาย ต่างคนต่างพยายามปรับตัวรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยสัญชาตญาณมากกว่ากระบวนการที่วางแผนไว้ล่วงหน้า กรณีแผ่นดินไหวใหญ่ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ปี 2011 สะท้อนผลกระทบในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเด่นชัด ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และสถานประกอบการสำคัญต้องหยุดบริการทันที นักท่องเที่ยวจำนวนมากตกค้างและต้องการการช่วยเหลือในการอพยพ สายการบินและระบบขนส่งหยุดชะงัก เกิดปัญหาความคับคั่งและความล่าช้าในการเดินทาง ขณะที่ผู้ประกอบการต้องดูแลความปลอดภัยของลูกค้าและสื่อสารข้อมูลอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ประชาชนและแรงงานในภาคท่องเที่ยวต้องเผชิญกับการขาดน้ำสะอาด อาหาร และยารักษาโรค 

 

ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งเน้นการดูแลความปลอดภัยและให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและพนักงานเป็นลำดับแรก เช่น การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลและสายด่วนแจ้งเหตุ การประสานงานกับหน่วยงานรัฐในการอพยพหรือเคลื่อนย้ายผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยง การจัดเตรียมอาหาร น้ำ และที่พักฉุกเฉิน รวมถึงการสื่อสารข่าวสารแบบเรียลไทม์ให้ลูกค้ารับรู้สถานการณ์อย่างถูกต้อง ธุรกิจบางส่วนอาจหยุดหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการในทันที เพื่อร่วมลดความเสี่ยงและสนับสนุนการฟื้นฟู เช่น โรงแรมและร้านอาหารอาจนำพื้นที่มาใช้เป็นสถานพักพิงชั่วคราวหรือจัดอบรมพนักงานด้านการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน การฟื้นตัวของธุรกิจในระยะนี้จึงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการภาวะวิกฤติ ความร่วมมือกับภาครัฐ และความสามารถในการดูแลลูกค้าด้วยความรวดเร็วและรอบคอบ

 

ฝั่งภาครัฐต้องมุ่งเน้นการบริหารจัดการสถานการณ์อย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเพื่อประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การอพยพคนออกจากพื้นที่เสี่ยง และการจัดสรรทรัพยากรจำเป็น เช่น อาหาร น้ำสะอาด และการแพทย์ฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบและสื่อสารข้อมูลสถานการณ์ภัยพิบัติแบบเรียลไทม์ผ่านหลายช่องทางเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนหลากหลาย แต่ต้องเป็นการสื่อสารจากข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรวมศูนย์เพื่อป้องกันความสับสนจากการคาดคะเนและข่าวลือที่อาจนำไปสู่การตื่นตระหนกอย่างไร้เหตุผล และรัฐยังต้องมุ่งเน้นมาตรการดูแลและเฝ้าระวังความปลอดภัยในพื้นที่ และบูรณาการความร่วมมือกับภาคธุรกิจและชุมชน เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตัวอย่างที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกคือ กรณีการจัดการภัยพิบัติของประเทศญี่ปุ่น โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้พัฒนา Multi-Hazard Early Warning System ที่เชื่อมโยงการแจ้งเตือนภัยสึนามิ แผ่นดินไหว และภัยธรรมชาติอื่น ๆ แบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบอพยพและการสื่อสารข้อเท็จจริงผ่านแอปพลิเคชันและสื่อทุกช่องทาง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบระดับโลก ทั้งในงานประชุมระหว่างประเทศและรายงานของ UNISDR ระบุว่านโยบายของญี่ปุ่นส่งผลให้การอพยพและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว และลดอัตราการสูญเสียชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

ช่วงหลังเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

 

หลังเหตุการณ์ภัยพิบัติ ภาวะจิตใจของผู้ประสบภัยมักเคลื่อนผ่านหลายช่วงสำคัญ ได้แก่ ช่วงแรกจะเกิด “ภาวะช็อก” หรือสับสน วิตกกังวล และเศร้าโศกจากความสูญเสีย ถัดมาคือ “ช่วงปรับตัว” ซึ่งผู้คนเริ่มจัดการอารมณ์ ยอมรับความจริง และพยายามหาความหมายหรือเหตุผลที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ ต่อมาเมื่อเข้าสู่ “ช่วงฟื้นฟู” ผู้ประสบภัยจะมีพลังใจใหม่ มุ่งมั่นร่วมกับครอบครัว ชุมชน หรือองค์กร ในการฟื้นฟูและซ่อมแซมสิ่งเสียหาย การปรับตัวดังกล่าวแตกต่างจากกรณีภัยคุกคามที่เกิดจากมนุษย์ เช่น สงครามหรือการก่อการร้าย ซึ่งมักยืดเยื้อและสร้างความหวาดกลัวต่อเนื่องโดยไม่รู้จุดสิ้นสุด อย่างไรก็ดี อาจมีกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะ PTSD (Post Traumatic Stress Disorder) โดยมีอาการซึมเศร้า สูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตปกติ บุคคลเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลจากภาคสังคมและหน่วยงานสุขภาพจิต เช่น การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มหรือรายบุคคล  

 

ในช่วงหลังเกิดภัยพิบัติ ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมักจะเร่งดำเนินการฟื้นฟูและซ่อมแซมสถานประกอบการ เพื่อให้กลับมาดำเนินงานได้โดยเร็ว เช่น การตรวจสอบและปรับปรุงความปลอดภัยของอาคาร ซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวก และประเมินความเสียหายทางการเงิน ทั้งนี้ ธุรกิจหลายแห่งยังให้ความสำคัญกับการเยียวยาจิตใจพนักงานและลูกค้า โดยจัดกิจกรรมกลุ่มบำบัด พร้อมทั้งเปิดช่องทางให้ผู้ได้รับผลกระทบปรึกษานักจิตวิทยา และที่สำคัญต้องสร้างความร่วมมือกับชุมชนในการฟื้นฟูภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยว โดยอาจจัดกิจกรรมอาสาสมัคร และกิจกรรมในท้องถิ่น ทำให้เกิดบรรยากาศใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสนับสนุนการฟื้นคืนพลังใจ ตัวอย่างเช่น หลังเหตุการณ์สึนามิปี 2004 ที่ชายฝั่งอันดามัน โรงแรมและรีสอร์ตในภูเก็ตร่วมออกโปรโมชันส่วนลดพิเศษสำหรับทั้งคนไทยและต่างชาติ ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบชุมชนและเชิงอนุรักษ์ เปิดกิจกรรม “Phuket is Back” เพื่อโปรโมตความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่น พร้อมประชาสัมพันธ์ภาพพื้นที่ที่ฟื้นฟูกลับมาสวยงาม ช่วยให้ตลาดกลับคืนสู่ภาวะปกติและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ฝั่งภาครัฐต้องเน้นการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนและครอบคลุมทุกมิติ โดยดำเนินนโยบายซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน สะพาน ระบบสาธารณูปโภค พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังควรมีการจัดตั้งศูนย์เยียวยาทางจิตใจและส่งเสริมการอบรมฟื้นฟูแรงงานที่ขาดรายได้ พร้อมผลักดันมาตรการสร้างความเชื่อมั่น เช่น การประชาสัมพันธ์ความปลอดภัย การออกมาตรการทางการเงินหรือภาษีเพื่อฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงบูรณาการความร่วมมือกับภาคประชาชนและเอกชนเพื่อกู้ภาพลักษณ์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับชุมชนและอุตสาหกรรมในระยะยาว ที่สำคัญ รัฐยังควรรวบรวมข้อมูลบทเรียนจากเหตุการณ์ เพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์การเตรียมพร้อมและป้องกันภัยพิบัติในอนาคต  

 

ท้ายที่สุดแล้ว ภัยธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นความจริงของชีวิตและโลกใบนี้ หากเราตระหนักรู้ความเป็นไปและเตรียมพร้อมรับมืออย่างเป็นระบบในทุกช่วง ทั้งก่อนเกิด ระหว่าง และหลังภัยพิบัติ ครอบคลุมทั้งระดับบุคคล ธุรกิจ และนโยบายภาครัฐ ก็จะทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้อย่างมีสติ ไม่หวาดกลัวเกินเหตุ และไม่ประมาทในท่ามกลางความไม่แน่นอนของการอยู่ใต้ฟ้า

 

 

 

Share This Story !

0.9 min read,Views: 37,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    กันยายน 14, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    กันยายน 14, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    กันยายน 14, 2025