สถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศ (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566) และสรุปภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศปี 2566

โดย งานวิเคราะห์ตลาดในประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด 

จัดทำเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 

 

ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศ เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566

 

 

สถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดในประเทศเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 48.11 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 220,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียนในเดือนตุลาคม เป็นฤดูท่องเที่ยวและมีช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องทั้งในเดือนตุลาคม-ธันวาคม ส่งผลให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับบ้าน ผนวกกับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามยอดดอยยอดภูเริ่มมีอากาศที่เย็นลง เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน จึงเป็นแรงกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก ททท. ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตร ดังนี้ 

  1. กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดจาก ททท. และพันธมิตร อาทิ โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน, เทศกาลลอยกระทง, งานวิจิตรเจ้าพระยา 2566 “Vijit Chao Phraya 2023”, กิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 (Amazing Thailand Countdown 2024), การท่องเที่ยวเสริมสิริมงคลกลุ่มสายมูของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง, งานเทศกาลดนตรีแจ๊ส และเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา, เส้นทางเที่ยวรถไฟลอยน้ำเขื่อนปากสัก ชมทุ่งทานตะวันของการรถไฟแห่งประเทศไทย, การเปิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ “บาหลี น่าน BALI NAN” (น่าน) 
  2. การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและทำโพรโมชันราคาบัตรโดยสารของสายการบินภายในประเทศอย่าง AirAsia อาทิ เส้นทางที่เพิ่มจำนวนเที่ยวบินได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-ภูเก็ต, กรุงเทพฯ-เชียงราย สำหรับการทำโพรโมชันราคา 40% จากราคาปกติ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางในประเทศตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 อาทิ เส้นทางกรุงเทพฯ-อุดรธานี, กรุงเทพฯ–อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์, กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-น่าน, กรุงเทพฯ–พิษณุโลก
  3. กระแสการท่องเที่ยวตามรอยละคร “พรหมลิขิต” ทำให้แหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานในหลายจังหวัด อาทิ พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ พิษณุโลก ลพบุรี ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวคนไทยมากขึ้น ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ค่าครองชีพ และราคาพลังงานที่สูง ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ดี ความต้องการออกท่องเที่ยวของคนไทยจะทำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับกำลังซื้อที่มี ทั้งในรูปแบบลดจำนวนวันเดินทางให้น้อยลง เลือกเที่ยวระยะใกล้ และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น 

 

โดยแต่ละภูมิภาคมีสถานการณ์ท่องเที่ยวดังนี้

 

 

กรุงเทพมหานคร

มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน คาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 7.56 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 41,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ภาครัฐ ททท. และเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เทศกาลลอยกระทง, งานวิจิตรเจ้าพระยา 2566 “Vijit Chao Phraya 2023”, กิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 (Amazing Thailand Countdown 2024) ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ศูนย์การค้า Central World ศูนย์การค้า ICON SIAM ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ และสี่แยกราชประสงค์ รวมทั้งงาน “Awakening Bangkok 2023” ครั้งที่ 6 กับธีม “Time Passage – ทางของเวลา” ในย่านพระนคร-ปากคลองตลาด กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากการจัดคอนเสิร์ต แฟนมีตติ้ง ประจำเดือนตุลาคม 2566 อย่าง SAM SMITH GLORIA the Tour in Bangkok 2023,  P1HARMONY Live Tour in Bangkok ทำให้เหล่า FC จากจังหวัดต่าง ๆ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมงานคอนเสิร์ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากปัจจัยสนับสนุนที่กล่าวมาส่งผลให้กรุงเทพมหานครมีจำนวนและรายได้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

 

 

ภาคกลาง (รวมภาคตะวันตก)

 มีการเติบโตที่ดี คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 16.18 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 42,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากกระแสเที่ยวตามรอยละคร “พรหมลิขิต” ทำให้แหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานในพื้นที่พระนครศรีอยุธยา และสถานที่ถ่ายทำละครอย่างเมืองโบราณ สมุทรปราการ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นคนไทย ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นชาวเกาหลี จีน และกลุ่มยุโรป อีกทั้งกรมศิลปากรได้ขานรับกระแสละครดัง โดยเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดไชยวัฒนารามได้จนถึงเวลา 22.00 น. ในช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวและเกิดการพักค้างในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นฤดูท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างกาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ผนวกกับได้รับแรงหนุนจากความได้เปรียบของระยะเวลาในการเดินทางที่เที่ยวง่ายเที่ยวสั้น ค่าใช้จ่ายไม่สูงสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ จึงทำให้ภาคกลาง (รวมภาคตะวันตก) มีจำนวนการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

 

 

ภาคตะวันออก 

ยังคงมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจำนวนและรายได้ คาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 6.17 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 42,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายเหมาะกับการเที่ยวในแต่ละฤดูกาล ทำให้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ผนวกกับมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาด อาทิ กิจกรรมนั่งรถไฟ KIHA 183 ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งได้รับความนิยมจากคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่ม GenY, การจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยววันธรรมดา “Rayong Weekday Special วันธรรมดา…ที่ไม่ธรรมดา”, เทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยา (Pattaya International Jazz Festival 2023) โดยมี KENNY G พร้อมศิลปินแจ๊สชื่อดังทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Hi-end ให้เข้ามาใช้จ่ายในพื้นที่จังหวัด, “เทศกาลพลุนานาชาติพัทยา (Pattaya International Fireworks Festival 2023, บางแสน 42 ชลบุรี มาราธอน 2023 จากกิจกรรมที่กล่าวมาส่งผลให้ทุกจังหวัดในภูมิภาคภาคตะวันออกมีการเติบโตสูง 

 

 

ภาคใต้ 

มีการเติบโตเพิ่มขึ้น คาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 5.03 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 28,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันอย่าง ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง ระนอง และสตูล กอปรกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวแข่งขันทำโพรโมชันราคาแพ็กเกจกิจกรรมดำน้ำชมปะการังในพื้นที่ท่องเที่ยวดังกล่าว รวมทั้งได้แรงหนุนจากสายการบิน AirAsia เพิ่มจำนวนเที่ยวบินและจัดทำโพรโมชันบัตรโดยสารลดราคา 40% จากราคาปกติ ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต, กรุงเทพฯ–กระบี่ ยิ่งช่วยสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าพื้นที่ทะเลฝั่งอันดามันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดกิจกรรมสำคัญอย่างการแข่งขันลากูน่า ภูเก็ต ไตรกีฬา ครั้งที่ 29 (Laguna Phuket Triathlon 2023) มีนักไตรกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 1,000 คน จาก 53 ประเทศทั่วโลกรวมคนไทย โดยกิจกรรมดังกล่าวสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างพังงาเป็นเม็ดเงินจำนวนกว่า 43 ล้านบาท นอกจากนี้ กระแสนั่งรถไฟเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยว GenY ยังคงแรงต่อเนื่องในเส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่, กรุงเทพฯ-กันตัง (ตรัง) และเส้นทางรถไฟ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งการจัดโครงการ The story of Railway Journey “เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง” พร้อมเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟอย่างยั่งยืน อาทิ เส้นทางสวี จ.ชุมพร และเส้นทางกันตัง จ.ตรัง ส่งผลให้ภาพรวมท่องเที่ยวภาคใต้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตลอดทั้ง 3 เดือน

 

 

ภาคเหนือ 

มีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 6.09 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 46,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ที่แหล่งท่องเที่ยวตามยอดดอยยอดภูเริ่มมีสภาพอากาศที่เย็นลง ผนวกกับมีปัจจัยส่งเสริมจากกิจกรรมของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร อาทิ กิจกรรมมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งามภาคเหนือ 2566, Chiang Mai Design Week 2023, กิจกรรมขึ้นดอยจิบชา กาแฟ ชมวิวสวยในเส้นทางเชียงราย เชียงใหม่ และน่าน, กิจกรรม Weekdays เสน่ห์น่าน ที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวไทยออกเดินทางไปเที่ยวน่านในวันธรรมดา, การแสดงขบวนศิลปะร่วมสมัย Chiang Rai 2023 Art Carnival, การจัดโครงการ The story of Railway Journey “เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง” พร้อมเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟอย่างยั่งยืน อาทิ เส้นทางนครลำปาง, เส้นทางแพร่–ลำปาง, รวมทั้งกิจกรรมลอยกระทง และกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 จ.เชียงใหม่ รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากสายการบิน AirAsia ด้วยการจัดทำโพรโมชันบัตรโดยสารลดราคา 40% จากราคาปกติในเส้นทางเมืองหลัก-เมืองรองอย่าง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-เชียงราย, กรุงเทพฯ-น่าน เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้สถานการณ์ท่องเที่ยวภาคเหนือมีการเติบโตเพิ่มขึ้นสูง อย่างไรก็ดี มีประเด็นต้องติดตามคือ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งในช่วง 3 เดือนนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) สถานการณ์ฝุ่นยังไม่รุนแรงและไม่เกินค่ามาตรฐาน จึงไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อการทำกิจกรรมท่องเที่ยว แต่หากปริมาณฝุ่นมีค่าเกินมาตรฐานความปลอดภัยเฉกเช่นเดียวกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจะชะลอตัวลง

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

มีการเติบโตเพิ่มขึ้น คาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 7.09 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 18,964 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 โดยปัจจัยสนับสนุนหลัก ๆ ยังคงมาจากกระแสความศรัทธาต่อเนื่องของกลุ่มสายมู ผนวกกับได้รับแรงหนุนจาก ททท. ร่วมกับพันธมิตร จัดกิจกรรมเสริมบุญสุดปัง ไหว้พระประจำวันเกิด@นครพนม, บินรับบุญ เสริมมงคลกับอาจารย์คฑาเส้นทางนครพนม รวมทั้งสายการบิน AirAsia จัดโพรโมชันบัตรโดยสารกับทริปมูปลายปี โชคดีรับปีใหม่เส้นทางกรุงเทพฯ-อุดรธานี และกรุงเทพฯ-นครพนม อีกทั้งยังจัดโพรโมชันบัตรโดยสารลดราคา 40% จากราคาปกติในเส้นทางเมืองหลัก-เมืองรองอย่าง กรุงเทพฯ-ขอนแก่น, กรุงเทพฯ-อุดรธานี, กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด และกรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้จำนวนการเดินทางท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการเติบโตเพิ่มขึ้นสูง

 

สรุปภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดในประเทศปี 2566

มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ทอน) 164.26 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 794,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 ซึ่งทิศทางการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นนี้เป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนจากการทำกิจกรรมของ ททท. ร่วมกับภาครัฐและเอกชน อาทิ การส่งเสริมเที่ยวในประเทศได้ทุกวันผ่านโครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน, การจัดโพรโมชันร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก, การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและการจัดโพรโมชันราคาของบัตรโดยสารภายในประเทศ, กระแสท่องเที่ยวตามรอยละครดังอย่างพรหมลิขิต, กระแสนั่งรถไฟเที่ยวเส้นทางรถไฟภาคใต้ ตลอดจนการท่องเที่ยวเสริมสิริมงคลกลุ่มสายมูในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง, การส่งเสริมกิจกรรมเที่ยววันธรรมดาในภาคตะวันออกและภาคเหนือ 

ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ค่าครองชีพ และราคาพลังงานที่สูง ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งทำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับกำลังซื้อที่มี ทั้งในรูปแบบลดจำนวนวันเดินทางให้น้อยลง เลือกเที่ยวระยะใกล้ และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น นอกจากนี้ ความต้องการของคนไทยที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ผนวกกับการส่งเสริมการตลาดดึงนักท่องเที่ยวไทยเข้าประเทศของประเทศคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม สิงคโปร์ รวมไปถึงค่าเงินเยนที่อ่อนค่า จะเป็นตัวดึงให้คนไทยออกเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยความท้าทายของการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ

Share This Story !

3 min read,Views: 5544,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    พฤษภาคม 14, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    พฤษภาคม 14, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    พฤษภาคม 14, 2025