เทคโนโลยีเปลี่ยนวินาทีวิกฤตให้รอด

 

 

นพพล อนุกูลวิทยา

 

10 วินาที มีค่าแค่ไหน? ถ้าในการใช้ชีวิตประจำวันปกติ ระยะเวลาหลักวินาทีแบบนี้คงไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญอะไรมากนัก แล้วถ้าเราคิดต่อไปว่า 10 วินาที อาจทำให้เราไม่ต้องพลาดรอบรถไฟ อาจทำให้เราไปถึงที่หมายเร็วขึ้น 10 นาที เวลา 10 วินาทีเริ่มจะมีค่ามากขึ้นแล้ว สำหรับคนหนึ่งคน 10 วินาที ทำให้เราวิ่งลงบันไดได้ 2-3 ชั้น ทำให้เราวิ่งได้ไกล 30-50 เมตร แม้ระยะที่ได้อาจจะไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาของภัยพิบัติอย่างแผ่นดินไหว หรือสึนามิ นี่คือ ช่วงเวลาแห่งชีวิตที่อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้คนมีเวลาวิ่งหาที่ปลอดภัย

 

การแจ้งเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรอดชีวิตของผู้คน เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายและความโกลาหลให้กับผู้คนจำนวนมาก แน่นอนว่า ไม่มีใครคาดคิดหรืออยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จึงถือเป็นบทเรียนที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งในการรับมือภัยพิบัติใหญ่ โดยเฉพาะภัยพิบัติที่เกิดอย่างฉับพลัน บทเรียนครั้งนี้ ไม่เพียงแต่กระตุ้นให้เกิดการแจ้งเตือนภัยพิบัติที่มีประสิทธิผลเท่านั้น แต่ควรรวมไปถึงองค์ความรู้ในการรับมือที่ต้องซักซ้อมและเผยแพร่ให้เจ้าหน้าที่ รวมถึงประชาชนได้เข้าใจและปฏิบัติตัวได้ถูกต้องเหมาะสมมากขึ้น นอกจากนี้ การมองหาเทคโนโลยีในการพยากรณ์ภัยพิบัติก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า แม้เพียงช่วงเวลาหลักวินาที ก็อาจเป็นวินาทีสำคัญของชีวิตคนเช่นกัน

 

ภาพจาก nctr.pmel.noaa.gov/Dart

 

เทคโนโลยีด้านการพยากรณ์ภัยพิบัติในปัจจุบันก็ก้าวหน้าไปมาก และทำงานร่วมกันในหลายมิติ ตั้งแต่การใช้เทคโนีดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา อย่างเช่น ดาวเทียมฮิมาวาริของญี่ปุ่น ที่ทำให้ได้ภาพถ่ายมุมสูงและความละเอียดสูง มาช่วยในการวิเคราะห์พายุไต้ฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำข้อมูลไปแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า รวมไปถึงการติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT และระบบตรวจวัดอัตโนมัติเก็บข้อมูลเกี่ยวกับระดับน้ำ อุณหภูมิ ดิน และความสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ข้อมูลนี้จะถูกส่งไปยังศูนย์ประมวลผลกลางเพื่อวิเคราะห์ภัยพิบัติแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น ระบบ DART (Deep-ocean Assessment and Reporting of Tsunamis) ที่ใช้เซ็นเซอร์ใต้ทะเลในการวัดแรงดันน้ำที่เปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล ทำให้สามารถส่งสัญญาณเตือนภัยสึนามิล่วงหน้าหลายนาทีก่อนที่คลื่นจะเข้าถึงชายฝั่ง ข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกเก็บมานั้น ยังมีการแบ่งปันในองค์กรเกี่ยวกับภัยพิบัติเชื่อมโยงกันทั่วโลก เพื่อให้ประมวลผลและพยากรณ์ได้แม่นยำมากขึ้น 

 

ระบบแจ้งเตือนและประสานงานภัยพิบัติระดับโลก (Global Disaster Alert and Coordination System – GDACS) เป็นระบบที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ มีเป้าหมายเพื่อพยากรณ์และแจ้งเตือนภัยพิบัติทั่วโลก ทั้งน้ำท่วม พายุ และแผ่นดินไหว ระบบนี้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียม เซ็นเซอร์ภาคพื้นดิน และระบบ AI เพื่อวิเคราะห์และแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล SMS และแอปพลิเคชันมือถือ GDACS ยังทำงานร่วมกับองค์กรการกุศลและรัฐบาลในการจัดการและตอบสนองต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก

 

ระบบพยากรณ์แผ่นดินไหวของญี่ปุ่น (Earthquake Early Warning – EEW) ใช้เครือข่ายเซ็นเซอร์แผ่นดินไหวจำนวนมากทั่วประเทศในการตรวจจับการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวระลอกแรก (P-Wave) และส่งการแจ้งเตือน ล่วงหน้า 10-30 วินาที ก่อนที่คลื่นที่รุนแรงกว่า (S-Wave) จะตามมา การแจ้งเตือนนี้ ทำให้ประชาชนและระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ สามารถเตรียมพร้อมและดำเนินมาตรการป้องกันได้ทันที เช่น การหยุดรถไฟ การปิดระบบจ่ายแก๊ส และการหลบภัยในที่ปลอดภัย

 

ภาพจาก aqua.upc.es

 


ระบบ Flood Forecasting ของยุโรป (European Flood Awareness System – EFAS) ใช้ข้อมูลดาวเทียม ข้อมูลสภาพอากาศ และโมเดลคณิตศาสตร์ในการคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมล่วงหน้า ระบบนี้สามารถให้คำเตือนล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 3-10 วัน ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในยุโรปมีเวลาเพียงพอในการวางแผนการรับมือกับภัยน้ำท่วม และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ

 

ในช่วงหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม เราเริ่มได้รับข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถือ เป็นการทดสอบระบบ Cell Broadcast ซึ่งใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือในการส่งข้อความเตือนภัยไปยังทุกเครื่องที่อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งในต่างประเทศได้เริ่มใช้งานมาก่อนหน้าแล้ว โดยไม่เพียงแค่ใช้แจ้งเตือนภัยพิบัติเท่านั้น แต่ยังใช้แจ้งเหตุฉุกเฉินและเตือนภัยอื่น ๆ เช่น ในสหรัฐอเมริกาใช้แจ้งเตือนการลักพาตัวเด็ก (Amber Alert) หรือภัยก่อการร้ายได้อีกด้วย การพยากรณ์ที่แม่นยำจะมีประสิทธิผลเมื่อเรานำส่งข้อมูลการเตือนภัยได้ทันเวลา และครอบคลุมผู้ที่จะได้รับความเสี่ยงให้เตรียมการรับมือ

 

นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติก็สำคัญเช่นกัน สำหรับการติดตามข้อมูลข่าวสารภายในประเทศไทยเองอาจจะไม่ลำบากมากนัก เนื่องจากสำนักข่าวมักต้องรายงานข้อมูลอยู่แล้ว แต่หากเราเดินทางไปต่างประเทศ การติดตามข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ได้ง่ายนัก อาจต้องหา Application ที่จะช่วยให้ข้อมูลหรือแจ้งเตือนเราเมื่อมีภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน ยกตัวอย่าง Application ที่แนะนำในต่างประเทศ  

 

ประเทศญี่ปุ่น – “Safety Tips” พัฒนาโดยหน่วยงานการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติญี่ปุ่น (JMA) แจ้งเตือนแผ่นดินไหว สึนามิ และสภาพอากาศที่อาจเป็นอันตราย รวมถึงแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อต้องเผชิญกับภัยพิบัติด้วย 

 

“Emergency Ready App” ของประเทศเกาหลีใต้ จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่หลบภัยทั่วประเทศ รวมถึงข้อมูลหน่วยงานที่ช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ เช่น หน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน สถานีดับเพลิง เป็นต้น

 

ประเทศสหรัฐอเมริกา มักมีภัยพิบัติอย่างพายุเฮอริเคนหรือทอร์นาโด – “FEMA App” อัปเดตข้อมูลการเตือนภัยพิบัติ น้ำท่วม พายุทอร์นาโด และการลักพาตัวเด็ก (Amber Alert)

 

ปัญหาไฟป่าของประเทศออสเตรเลียค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่และมักลุกลามในทุกปี “Fires Near Me Australia” เป็น Application ที่เตือนเกี่ยวกับไฟป่า โดยมีแผนที่แจ้งไฟป่าที่ค่อนข้างเรียลไทม์

ภัยพิบัติต่าง ๆ มีรูปแบบความรุนแรงและฉับพลันไม่เท่ากัน แต่ล้วนสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้ทั้งสิ้น ในหลายครั้งการเตรียมความพร้อมและมีระบบที่ดี ช่วยลดความโกลาหลและบรรเทาความเสียหายได้มาก เทคโนโลยีด้านการพยากรณ์ภัยพิบัติไม่เพียงแค่สะท้อนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยชีวิตผู้คน ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ดาวเทียม เซ็นเซอร์ IoT และ AI ในการพยากรณ์ภัยพิบัติ และการเผยแพร่องค์ความรู้ในการรับมือแก่ประชาชน เราจะสามารถลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติและปกป้องชีวิตผู้คนได้ดียิ่งขึ้น แม้จะมีเวลาเตือนภัยเพียงไม่กี่วินาทีก็ตาม นอกจากนี้ เราคงต้องยอมรับว่า ภัยธรรมชาติในทุกวันนี้มีความรุนแรง และมีความถี่มากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากปัญหาโลกร้อนที่ทำให้ภูมิอากาศแปรปรวนด้วย 

 

แน่นอนว่า การเกิดภัยธรรมชาติ ไม่อาจโทษใครหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นการเฉพาะได้ ในฐานะประชาชน การศึกษาข้อมูลการรับมือภัยพิบัติต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำความเข้าใจหรือซักซ้อม ไปจนถึงการช่วยกันลดการใช้ทรัพยากรอย่างไม่จำเป็น เพื่อเป็นส่วนเล็ก ๆ ในการลดปัญหาภูมิอากาศแปรปรวน อันจะนำมาซึ่งภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น ในส่วนของรัฐบาล การลงทุนพัฒนาระบบต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยี แต่เป็นกระบวนการร่วมมือกันทำงานในแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ทั้งในเชิงป้องกัน เช่น การบรรจุเนื้อหาในหลักสูตรการเรียนของเด็ก การรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมให้เห็นถึงผลกระทบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การซักซ้อมเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นต้น 

 

และในเชิงการแก้ปัญหา ในการลดกระบวนการสั่งการของแต่ละหน่วยงานที่ซับซ้อนและไม่ทันการณ์ ภัยพิบัติครั้งสำคัญเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เรามาช่วยกันถอดบทเรียนและลงมือปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม เพื่อในอนาคต เราจะพร้อมรับมือกับความโกลาหลวุ่นวายได้ดีขึ้น 

 

การมีเทคโนโลยีแจ้งเตือนภัยพิบัติที่ดี เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในหลายมิติ ในมิติแรก ระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการป้องกันและเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนภายในประเทศ โดยสามารถส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ 

 

ในมิติที่สอง ระบบเทคโนโลยีแจ้งเตือนภัยพิบัติที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลยังช่วยสร้างเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในเวทีโลก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชน สิ่งนี้ส่งผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นจากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มองหาประเทศที่มีความมั่นคงและปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจ หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นปัจจัยแรก และต้องการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่มีระบบความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีแจ้งเตือนภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ช่วยให้ประชาชนสามารถวางแผนชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด การมีระบบเตือนภัยที่เชื่อถือได้จึงไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อการพัฒนาประเทศที่มั่นคงและยั่งยืนในทุกมิติ

Share This Story !

2 min read,Views: 264,

Related projects

  • ¡Hola! Spanish Travelers

    มิถุนายน 30, 2025

  • ‘เรื่องเล่น’ เรื่องเล็กน้อยมหาศาล

    มิถุนายน 30, 2025

  • ‘DESERT SUPERCITY’ มหานคร แห่งทะเลทราย

    มิถุนายน 30, 2025